'Love is พัก รัก is peace' ความรักเป็นเรื่องของการค้นหาความสงบในตัวเอง
'Love is พัก รัก is peace' ความรักเป็นเรื่องของการค้นหาความสงบในตัวเอง
ปิกาสโซ่ เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยมากในช่วงชีวิตของเขา
เพื่อสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆในการทำงานศิลปะ
เทย์เลอร์ สวิฟท์ มีความรักๆเลิกๆ เพื่อเขียนเพลง
ลองมีความรัก มีความรักยังไงก็ได้ แบบไหนก็ได้ ความรัก จะพัฒนาคน
ให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
มีความรักแต่ ไม่จำเป็นต้องมี'แฟน' แล้วแต่งงานอยู่ด้วยกันนะ
นั่นเป็น'สูตรสำเร็จ' ไม่ใช่ทุกคนต้องการชีวิตที่เป็นสูตร หรือ ตามที่สังคมคาดหวัง
มันจึงเป็นคนละเรื่องเดียวกัน...ที่หลายๆคนเข้าใจกันผิดมาตลอด
ในโลกนี้ ความรักมีหลายรูปแบบ และมันไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่ทุกคนคิดว่า "ต้องมีแฟน" หรือ "ต้องแต่งงาน" แต่ทว่า ความรักนั้นมีพลังในการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงเราให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ขึ้น ถ้าจะลองมองความรักในมุมที่ลึกขึ้น เราคงจะเห็นมันเป็นมากกว่าแค่การพบเจอใครสักคนแล้วสร้างชีวิตร่วมกัน
เริ่มต้นจากคำว่า "รัก" ซึ่งอาจหมายถึง "พัก" หรือการหยุดพักของจิตใจ เมื่อเรารู้สึกว่าความรักไม่ได้เป็นเพียงแค่การผูกมัดระหว่างคนสองคน แต่เป็นการสร้างสันติภาพให้กับตัวเอง เช่นเดียวกับที่ ปิกาสโซ่ ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยครั้งในช่วงชีวิตเพื่อค้นหาความรู้สึกใหม่ ๆ ที่จะช่วยเติมเต็มงานศิลปะของเขา หรือ เทย์เลอร์ สวิฟท์ ที่ใช้ความรักที่มีความซับซ้อนในการเขียนเพลง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า ความรักไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในรูปแบบเดียว การมีความรักในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ได้หมายถึงสิ่งที่ผิด หรือไม่สมบูรณ์
จากมุมมองของ วิทยาศาสตร์ การศึกษาผ่านทฤษฎี "Attachment Theory" ของ John Bowlby ชี้ให้เห็นว่า ความรักที่มีการปรับตัวและการสื่อสารที่ดีระหว่างคู่รักนั้นสามารถทำให้จิตใจของเราเติบโตและแข็งแรงขึ้น โดยเฉพาะการมีความรักที่มุ่งไปสู่การเข้าใจและเคารพซึ่งกันและกัน แม้ว่าความรักจะไม่จำเป็นต้องมีข้อกำหนดหรือทิศทางที่ชัดเจน แต่ความรักที่มีความสัมพันธ์ที่ดีสามารถช่วยให้เรารู้สึกว่าตัวเองมีค่ามากขึ้นและพัฒนาเป็นคนที่ดีขึ้นได้
หนังสือ The Art of Loving ของ Erich Fromm กล่าวถึงแนวคิดที่ว่า “รักไม่ใช่แค่การได้รับ แต่คือการให้และแบ่งปัน” ซึ่งเน้นถึงการรักตัวเองและรักผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน ความรักที่แท้จริงเป็นการแสดงออกถึงการเปิดใจและเข้าใจในตัวคนอื่น แม้ว่ามันจะไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน แต่การให้ความรักออกไปนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงเราได้
ในสังคมที่เน้นความสำเร็จและการวัดความสัมพันธ์ด้วยมาตรวัดที่ชัดเจน อย่างการแต่งงานหรือการมีคู่รักเป็นเรื่องที่ทุกคนควรทำตาม หากเรามองในมุมของทฤษฎี Logotherapy ของ Viktor Frankl เราจะพบว่า ความรักมีพลังในการช่วยให้เราค้นหาความหมายในชีวิตอย่างลึกซึ้ง การรักและการค้นหาความรักนั้นไม่จำเป็นต้องเดินตามกรอบของสังคม แต่คือการสร้างความสงบในตัวเอง
ไม่จำเป็นต้องมีคู่รักเพื่อให้ชีวิตสมบูรณ์ ความรักที่แท้จริงเกิดขึ้นได้จากการรักตัวเอง รักสิ่งที่เราเป็น รักสิ่งที่เราเห็นว่าเป็นประโยชน์และสร้างคุณค่าให้กับชีวิตของเราเอง และเมื่อเรารักตัวเองอย่างแท้จริง เราก็สามารถรักผู้อื่นได้โดยไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการแบ่งปันความรู้สึกดี ๆ ที่เรามี
เรามองว่าความรักนั้นสามารถเป็นได้หลากหลายรูปแบบ อาจจะเป็นความรักในตัวเอง ความรักในสิ่งที่เราทำ หรือความรักที่เรามีให้กับคนอื่น มันไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปแบบที่สังคมคาดหวัง หรือให้มันเป็นไปตามสูตรสำเร็จ ความรักคือการเดินทางที่ต้องรู้จักการหยุดพักและฟื้นฟูตัวเองบ้าง
สรุป:
ในความเห็นส่วนตัวของเรา ความรักไม่จำเป็นต้องเป็นการมีคู่หรือการแต่งงาน สิ่งสำคัญคือการให้ความรักกับตัวเองและเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการจากชีวิต ไม่ว่าความรักของเราจะเป็นแบบไหน การรักตัวเองและคนอื่นอย่างแท้จริงจะช่วยพัฒนาเราให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์มากขึ้น ความรักไม่จำเป็นต้องเป็นสูตรสำเร็จ แต่มันคือการค้นหาความสงบภายในตัวเองและการสร้างความหมายในชีวิต
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น