งานศิลปะชิ้นหนึ่งเปรียบเสมือนมีชีวิต
งานศิลปะชิ้นหนึ่งเปรียบเสมือนมีชีวิต
งานศิลปะแต่ละชิ้นนั้นทรงพลังและมีความเป็นไปได้หลากหลาย นอกจากจะสร้างความสุขและอิ่มเอมใจให้แก่ผู้สร้างสรรค์แล้ว ยังสามารถนำไปสู่โอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจได้อีกด้วย
- การขายลิขสิทธิ์: การตัดสินใจขายลิขสิทธิ์งานศิลปะ เปรียบเสมือนการขายห่านทองคำตัวหนึ่ง การได้เงินก้อนโตมาในครั้งเดียวอาจน่าดึงดูด แต่ในขณะเดียวกันก็หมายถึงการสูญเสียรายได้ในระยะยาวที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานซ้ำๆ ของผลงานชิ้นนั้นในอนาคต
งานจ้าง: เส้นทางสู่ความสำเร็จที่หลากหลาย
งานจ้างในวงการศิลปะสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทหลักๆ ดังนี้
- งานที่ได้มาง่าย (low hanging fruit): งานประเภทนี้มักเป็นงานที่ทำได้รวดเร็ว ได้ค่าตอบแทนทันที เหมาะสำหรับใช้ในการเลี้ยงชีพประจำวัน
- งานที่สร้างพอร์ตโฟลิโอ (portfolio building): งานประเภทนี้จะเน้นการสร้างสรรค์ผลงานที่หลากหลาย เพื่อนำไปใช้ในการสร้างพอร์ตโฟลิโอ ซึ่งเป็นเหมือนตัวแทนที่แสดงถึงความสามารถและทักษะของศิลปิน
- งานที่มีชื่อเสียง (high profile): งานประเภทนี้มักเป็นงานที่มีความสำคัญและได้รับความสนใจจากสาธารณชนอย่างกว้างขวาง การได้รับมอบหมายงานประเภทนี้จะช่วยสร้างชื่อเสียงและเพิ่มโอกาสในการได้รับงานอื่นๆ ที่ใหญ่ขึ้น
- งานที่จำกัดขอบเขต (pigeon hole): งานประเภทนี้มักเป็นงานที่ซ้ำซากจำเจ ไม่ได้ช่วยให้ศิลปินได้พัฒนาความสามารถหรือสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ที่แตกต่างออกไป
ประสบการณ์ตรงจากการทำงานศิลปะกว่า 20 ปี
การแบ่งประเภทงานจ้างเหล่านี้ไม่ได้มาจากตำราเล่มใดเล่มหนึ่ง แต่เป็นผลมาจากประสบการณ์ตรงในการทำงานศิลปะมาเป็นเวลากว่า 20 ปี ซึ่งทำให้เข้าใจถึงลักษณะและผลกระทบของงานแต่ละประเภทที่มีต่อการเติบโตในสายอาชีพของศิลปิน
การสร้างผลงานศิลปะนั้นเปรียบเสมือนการเดินทางที่มีหลายเส้นทาง เราจำเป็นต้องแยกแยะให้ชัดเจนระหว่างงานที่สร้างสรรค์เพื่อการค้ากับงานที่สร้างสรรค์เพื่อความสุขส่วนตัว หากเราสามารถจัดการทั้งสองอย่างได้อย่างสมดุล ก็จะนำไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน
สำหรับงานที่รับจ้างนั้น ถึงแม้จะเป็นงานที่มั่นคงและช่วยให้เรามีรายได้ประจำ แต่ก็อาจทำให้เราติดอยู่ในวงจรของการทำงานซ้ำๆ เดิมๆ หากเราไม่รู้จักวางแผนและกำหนดขอบเขตของงานอย่างชัดเจน ดังที่โรเบิร์ต คิโยซากิกล่าวไว้ว่า "วังวนหนูถีบจักร" นั้นเป็นสิ่งที่เราควรหลีกเลี่ยง
การมีงานประจำเปรียบเสมือนการมีหลังคาที่มั่นคงให้เราได้อาศัย แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ควรหาโอกาสในการสร้างสรรค์ผลงานส่วนตัวควบคู่ไปด้วย เพื่อให้จิตวิญญาณของศิลปินในตัวได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
2. นักทำงานจ้างระดับสูง: กลุ่มบุคคลเหล่านี้ถือเป็นข้อยกเว้นในตลาดแรงงาน พวกเขาสามารถสร้างรายได้มหาศาลจากการรับงานโปรเจกต์ขนาดใหญ่ที่ท้าทายและมีความซับซ้อนสูง โดยมุ่งเน้นไปที่งานที่มีคุณภาพและมีชื่อเสียง ซึ่งมักจะมาพร้อมกับค่าตอบแทนที่สูงเป็นพิเศษ เช่น หลักแสนหรือหลักล้านบาทต่อโครงการ
3. เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ไปไม่ถึงระดับ Elite: สาเหตุหลักมาจากการที่คนส่วนใหญ่เลือกทำงานที่ได้ผลตอบแทนเร็วและง่าย เช่น งานที่เรียกว่า "low hanging fruit" ซึ่งเป็นงานที่ไม่ค่อยท้าทายและไม่ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาตนเองในระยะยาว
4. งานในฝัน: งานในอุดมคติของเราคืองานที่สามารถสร้างรายได้แบบพาสซีฟได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องใช้แรงกายแรงใจมากนัก เช่น การสร้างผลิตภัณฑ์ดิจิทัล หรือการเขียนหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ผ่านแพลตฟอร์ม KDP ซึ่งเป็นงานที่น่าหลงใหลเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะได้สร้างสรรค์ผลงานที่ตนเองรักแล้ว ยังสามารถสร้างรายได้ได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการผลิตสินค้าจริงหรือการจัดส่ง
"Money machine หรือระบบสร้างรายได้แบบอัตโนมัติ คือเป้าหมายที่หลายคนใฝ่ฝัน ซึ่งมีลักษณะเด่นคือ
- ขยายตัวได้: สามารถขยายขนาดธุรกิจได้เรื่อยๆ ตามความต้องการของตลาด
- ปรับใช้ได้หลากหลาย: สามารถนำโมเดลไปประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์หรือบริการอื่นๆ ได้
- ทำงานคนเดียวได้: ไม่จำเป็นต้องมีทีมงานจำนวนมากในการดำเนินงาน
- ควบคุมคุณภาพได้ง่าย: กระบวนการผลิตหรือบริการสามารถควบคุมคุณภาพได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม การสร้าง money machine นั้นมาพร้อมกับความท้าทายที่สำคัญ นั่นคือ ช่วงเวลาแห่งความเงียบ ก่อนที่ระบบจะเริ่มทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ในช่วงเวลานี้ ผู้สร้างอาจรู้สึกโดดเดี่ยวและล้มเหลว เนื่องจากต้องลงทุนทั้งเวลาและทรัพยากรจำนวนมาก แต่ยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ทำให้ดูเหมือนว่ากำลังเผชิญกับความล้มเหลวในสายตาของคนรอบข้าง
เหตุผลที่ควรปล่อยให้คนมองว่าเราล้มเหลว ก็เพื่อสร้างกำแพงป้องกันไม่ให้มีคู่แข่งเข้ามาในตลาดมากเกินไป เพราะเมื่อเห็นว่าการสร้าง money machine นั้นยากลำบากและต้องใช้เวลานาน ผู้คนส่วนใหญ่จะไม่กล้าที่จะลงทุนตามมา"
เหตุผลที่เรากล้าแบ่งปันประสบการณ์นี้ก็เพราะเส้นทางที่เราเลือกเดินมานั้นค่อนข้างเฉพาะตัว และมีความซับซ้อนที่เกินกว่าจะถ่ายทอดผ่านบทความสั้นๆ ได้อย่างครบถ้วน การสร้างระบบสร้างรายได้แบบอัตโนมัติจำเป็นต้องอาศัยทั้งความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์ที่สั่งสมมาเป็นอย่างยาวนาน ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่สามารถเรียนรู้ได้เพียงแค่การอ่านบทความ เราจึงไม่คิดที่จะเปิดสอนคอร์สหรืออบรมในเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าข้อมูลส่วนใหญ่ที่จำเป็นต่อการเริ่มต้นนั้นสามารถหาได้จากอินเทอร์เน็ต เพียงแต่ผู้เรียนต้องมีความขยันหมั่นเพียรและความมุ่งมั่นสูง เราเพียงแค่ต้องการเป็นจุดเริ่มต้นให้กับผู้ที่สนใจเท่านั้น
ในฐานะนักวาดที่หลงใหลในธุรกิจ เราพบว่าการผสมผสานศิลปะกับธุรกิจนั้นสามารถสร้างผลลัพธ์ที่น่าสนใจได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องแลกมาด้วยความยุ่งยากในการบริหารจัดการธุรกิจ ดังนั้น ผู้ที่สนใจในเส้นทางนี้จึงควรพิจารณาถึงความถนัดและความสนใจของตนเองอย่างรอบคอบ
สำหรับนักวาดที่ต้องการมุ่งเน้นไปที่การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะอย่างเดียว การมีพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่แข็งแกร่งสามารถช่วยให้คุณสามารถสร้างรายได้และขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม การเลือกพาร์ทเนอร์ที่ดีนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะคุณจะต้องแบ่งปันผลประโยชน์และร่วมรับผิดชอบต่อความสำเร็จหรือความล้มเหลวของธุรกิจร่วมกัน
สุดท้ายนี้ เราอยากให้ทุกคนตระหนักถึงความไม่แน่นอนของชีวิต การทำงานศิลปะเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้คุณมีรายได้ที่มั่นคงในระยะยาว ดังนั้น การสร้างระบบสร้างรายได้เพิ่มเติมจึงเป็นสิ่งที่ควรพิจารณา เพื่อให้คุณมีอิสระทางการเงินและสามารถทำในสิ่งที่คุณรักได้อย่างเต็มที่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น