เรื่องสั้น:ระยะทางอันห่างใกล้
เรื่องสั้น ระยะทางอันห่างใกล้
ในช่วงเวลาที่แสงแดดยามเย็นสาดส่องลงมาบนถนนเล็กๆ ที่ทั้งสองเดินเคียงข้างกัน พวกเขาคือเพื่อนสนิทที่ไม่มีอะไรขวางกั้น ทั้งสองคนเหมือนเงาที่ติดตามกันไปไหนมาไหนตลอดเวลา ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือชีวิตส่วนตัว พวกเขาอยู่เคียงข้างกันเสมอ ความทรงจำดีๆ ร่วมกันเต็มไปด้วยการหัวเราะ การผจญภัยเล็กๆ น้อยๆ และการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามที่มีปัญหา
"วันนี้เราจะไปไหนกันดี?" ชายหนุ่มคนหนึ่งถาม พร้อมกับยิ้มให้เพื่อนที่เดินอยู่ข้างๆ
"ไปที่ร้านกาแฟเดิมไหม?" อีกคนตอบเสียงเบาๆ รู้สึกพึงพอใจในความง่ายๆ ของความสัมพันธ์นี้ มันเหมือนทุกๆ วันที่ผ่านไป พวกเขาไม่เคยคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างกันจะมีวันหมดความหมาย
พวกเขาทำงานด้วยกัน มักจะใช้เวลาร่วมกันในทุกช่วงเวลาที่มี ทั้งสองดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตกันและกัน โดยไม่ต้องถามหาคำอธิบาย ทุกคำพูดและทุกการกระทำล้วนสะท้อนถึงการเข้าใจในตัวตนของกันและกัน ราวกับว่าชีวิตทั้งสองจะไม่สมบูรณ์หากขาดกันและกัน
แต่สิ่งที่เริ่มสะท้อนออกมาอย่างช้าๆ ในระยะเวลาที่ผ่านไป คือความรู้สึกที่เริ่มไม่สมดุล ทุกครั้งที่พวกเขาทำงานร่วมกัน ความเป็นเพื่อนที่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ยั่งยืนกลับเริ่มมีช่องว่างที่ขยายออกไป ความเคารพและการให้เกียรติซึ่งกันและกันค่อยๆ จืดจาง
"ทำไมมึงไม่เคยฟังความคิดเห็นกูเลย?" วันหนึ่งเสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งเริ่มดังขึ้นในห้องทำงาน มันไม่ใช่การพูดคุยธรรมดา แต่เป็นการโต้แย้งที่เกิดขึ้นบ่อยขึ้นในระยะหลัง
"กูฟังมึงตลอดนี่" อีกคนตอบเสียงเย็นชา เขาหลบตาเพื่อนและเริ่มรู้สึกเหนื่อยกับการต้องพูดซ้ำๆ เรื่องเดิมๆ ที่ดูเหมือนจะไม่มีจุดสิ้นสุด
"มึงเคยคิดบ้างไหมว่า บางทีที่เราทำงานด้วยกัน มึงทำเหมือนกูไม่รู้เรื่องอะไรเลย มึงคิดว่ากูเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่งที่จะไม่สำคัญอะไรหรือไง?" ชายหนุ่มคนแรกพยายามสะกดอารมณ์ให้ดี แต่ก็ไม่สามารถควบคุมความรู้สึกที่สะสมมานานได้
"มึงก็รู้ว่าเราเป็นเพื่อนกัน ทำไมต้องคิดมากขนาดนั้น? มันไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่เลย" ชายหนุ่มอีกคนตอบด้วยท่าทีที่เริ่มหงุดหงิด การที่เขาไม่สามารถให้ความสำคัญหรือเคารพเพื่อนของตัวเองเหมือนเดิมมันเริ่มแสดงออกมาผ่านคำพูด
การทะเลาะกันในตอนนั้นไม่ได้เป็นแค่การโต้เถียงเรื่องงาน แต่กลับกลายเป็นเรื่องที่สะท้อนถึงความไม่เคารพและความเข้าใจผิดที่พวกเขาไม่ได้พูดถึงมาตลอด ความรู้สึกที่พวกเขาคิดว่า "เราเป็นเพื่อนกัน" ทำให้หลายๆ เรื่องถูกละเลยไปจนเกิดช่องว่างที่ยากจะเชื่อมต่อกันอีกครั้ง
"มึงรู้ไหมว่า มันเริ่มทำให้กูรู้สึกเหมือนเป็นคนที่ไม่สำคัญอีกแล้ว" ชายหนุ่มคนแรกพูดเสียงต่ำ ความผิดหวังเต็มไปหมดในใจเขา
"ไม่ใช่แบบนั้นหรอก มันแค่... มันแค่ไม่เหมือนเดิม" อีกคนตอบเสียงอ่อน เขาเองก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมทุกอย่างถึงเปลี่ยนไปเหมือนตอนนี้
แต่ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทำให้ทุกอย่างเริ่มแตกแยกออกจากกัน คำพูดที่ดูเหมือนไม่สำคัญกลับกลายเป็นสิ่งที่สะสมไปเรื่อยๆ จนทั้งสองเริ่มรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพวกเขากำลังจะพังทลายลง
วันแล้ววันเล่า ทั้งสองเริ่มมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง ความสัมพันธ์ที่เคยแน่นแฟ้นเริ่มสะท้านเหมือนบ้านที่ถูกพายุถล่มไปทีละน้อย แม้จะมีความรักและความผูกพันระหว่างกัน แต่ความไม่เข้าใจกันในเรื่องที่ดูเหมือนจะเล็กน้อยกลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ทั้งสองจะจัดการ
ในที่สุด พวกเขาเริ่มเดินห่างกันไป โดยที่ไม่รู้ว่าจะกลับมาหากันได้หรือไม่ การทะเลาะกันไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของคำพูด แต่เป็นเรื่องของความคาดหวังที่ต่างกัน และการไม่ได้เห็นคุณค่าของกันและกันเหมือนที่เคยเป็น
"ทำไมเราถึงกลายเป็นแบบนี้?" ชายหนุ่มคนแรกถามตัวเองในตอนกลางคืน เมื่อเขาหลับตาลง ความรู้สึกที่เคยมีมันเต็มไปด้วยความเศร้าและคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ
ทั้งสองต่างมีความรู้สึกว่าความรักและความผูกพันที่เคยมีมันเริ่มหายไปอย่างช้าๆ ทุกอย่างดูเหมือนจะเปลี่ยนไป ไม่มีคำพูดใดๆ ที่สามารถทำให้ทุกสิ่งกลับคืนมาได้ พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างเหนื่อยล้าและท่ามกลางความไม่เข้าใจกันไปเรื่อยๆ จนในที่สุด ความสัมพันธ์ที่เคยแข็งแรงก็เริ่มสั่นคลอน
พวกเขายังรักกัน แต่ในที่สุด ทุกอย่างก็เริ่มแตกหักเมื่อพวกเขาไม่สามารถเห็นคุณค่าในกันและกันได้เหมือนเมื่อก่อน
ในห้องคาเฟ่เล็กๆ ที่มุมถนนแห่งหนึ่ง มีชายหนุ่มสองคนที่เคยเป็นเพื่อนสนิทที่สุดในโลกในวันนั้น กลับได้มานั่งอยู่ตรงกันข้ามกับโต๊ะเดิมที่เคยนั่งด้วยกันทุกครั้ง ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเงียบ พวกเขานั่งนิ่ง ไม่พูดอะไรเลย แม้จะมีเสียงกาแฟที่รินลงในถ้วย แต่กลับเหมือนว่าทุกเสียงรอบข้างนั้นล้วนเงียบลงไป
ก่อนหน้านี้หลายปี พวกเขาเคยเป็นเหมือนเงาของกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่ดีหรือเวลาที่เลวร้าย ทั้งสองไม่เคยห่างจากกัน คำพูดของกันและกันเป็นสิ่งที่คุ้นเคยที่สุดในชีวิต แต่ตอนนี้ ทุกอย่างมันหายไปกับความไม่ลงรอยที่เริ่มต้นจากเรื่องเล็กๆ แต่ก็กลายเป็นแผลที่ฝังลึกจนไม่สามารถเยียวยาได้
"มึงคิดถึงกันไหม?" ชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยขึ้นขณะที่เขายังคงมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย
ชายหนุ่มอีกคนมองเขาด้วยสายตาที่เหมือนจะมองผ่านไปยังที่อื่น แต่เขาก็รู้ดีว่าคำถามนั้นมันไม่ง่ายที่จะตอบ แม้จะพูดออกไปแล้ว แต่ก็เหมือนยังค้างอยู่ในอากาศ ที่ไม่เคยได้รับการปลดปล่อย
"คิดถึง... แต่มึงทำไมถึงคิดถึงกู?" เขาตอบเบาๆ แต่เสียงนั้นกลับเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและเจ็บปวด
"เพราะเราเคยเป็นเพื่อนสนิทกัน... เราเคยร่วมกันทุกอย่าง พยายามจะเข้าใจกันตลอด" ชายหนุ่มคนแรกพูดขึ้น แม้เสียงของเขาจะอ่อนลง แต่ในแววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความเสียใจ
"ใช่... แต่บางครั้งเพื่อนก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องอยู่ข้างกันตลอดไป" ชายหนุ่มอีกคนเงียบไป พูดต่อไม่ได้ ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความผิดหวังนั้นมันมากเกินกว่าจะพูดออกมา
ความเงียบยังคงอยู่ในห้องนั้น ทั้งสองคนต่างรู้ดีว่า สิ่งที่ทำให้พวกเขาหยุดพูดกันในวันนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ทั้งหมด เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ทำงานร่วมกัน มันยิ่งบีบคั้นใจให้แยกจากกัน
หลายเดือนที่ผ่านมา พวกเขาทำงานด้วยกันในโปรเจ็กต์ใหญ่ แต่ทั้งสองกลับไม่สามารถประสานงานกันได้อย่างที่ควรจะเป็น ปัญหาความคิดที่ไม่ตรงกัน บางครั้งการตัดสินใจที่ไม่เห็นด้วยก็สร้างรอยร้าวที่ยากจะสมานกันได้ เมื่อไม่เข้าใจกันจริงๆ คำพูดและการกระทำที่ถูกมองว่าเป็นการทิ้งขว้าง กลับสร้างระยะห่างที่ค่อยๆ ขยายออกไปจนไม่มีโอกาสให้กลับไปอีกครั้ง
"มึงบล็อกกูทุกทางเลยนะ" ชายหนุ่มคนแรกพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงต่ำ เขายังจำวันนั้นได้ดี วันที่เขาพยายามจะพูดกับเพื่อน แต่กลับถูกปิดกั้นทุกช่องทาง
"มึงก็ทำเหมือนกัน" ชายหนุ่มอีกคนตอบกลับเสียงแผ่ว เบาเกินไปจนเขาไม่แน่ใจว่าเพื่อนจะได้ยินหรือไม่ "บางครั้งการบล็อกมันไม่ใช่แค่การกดปุ่ม มันคือการเลือกที่จะหนีจากความเจ็บปวดที่มึงทำให้กู"
แสงในห้องดูจะจางลงตามเวลาที่ผ่านไป ความเงียบที่ค้างคานั้นยิ่งเพิ่มความหนักหน่วงให้กับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความทรงจำที่เจ็บปวด
"ทำไมมึงไม่เข้าใจกู?" ชายหนุ่มคนแรกถามเสียงสั่น "ตอนนั้นกูแค่พยายามทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น แต่สิ่งที่มึงทำกลับเหมือนกับว่ากูไม่เคยมีความสำคัญเลย"
"มึงคิดว่า... มึงพยายามทำให้มันดีขึ้นงั้นเหรอ?" ชายหนุ่มอีกคนหัวเราะในลำคอแห้งๆ "ถ้ามึงรู้ว่าอะไรดีสำหรับกู มึงคงไม่ทำแบบนั้นหรอก"
มันไม่ใช่แค่การทะเลาะกันในที่ทำงาน แต่เป็นความรู้สึกที่พวกเขาไม่เคยพูดถึง ความคิดที่ไม่ตรงกัน ทำให้ทั้งสองเริ่มรู้สึกว่าตัวเองถูกทิ้งให้ต้องต่อสู้คนเดียว เมื่อการร่วมมือกันกลายเป็นการโจมตีซึ่งกันและกัน
เวลาผ่านไปจนทุกอย่างมันแตกหัก ไม่มีคำพูดใดที่จะทำให้มันกลับมาเหมือนเดิมได้อีก แต่ในวันนั้น... ในห้องคาเฟ่เล็กๆ ที่พวกเขานั่งอยู่ในตอนนี้ สิ่งที่ทั้งสองไม่ได้พูดออกมา กลับระเบิดขึ้นอีกครั้ง
"มันเจ็บที่มึงไม่เข้าใจ" ชายหนุ่มคนแรกพูดขึ้น เขายิ้มออกมา แต่หัวใจมันกลับเต็มไปด้วยความเศร้า "ที่มึงตัดสินใจหนีไปโดยไม่ถามอะไรเลย"
"กูไม่ได้หนี... กูแค่ไม่อยากให้มึงทำร้ายกูอีกต่อไป" ชายหนุ่มอีกคนตอบ น้ำเสียงของเขาเริ่มสะท้อนถึงความเจ็บปวดที่สะสมไว้ "บางครั้งการที่เราหยุดพูดกัน มันคือการรักษาความทรงจำที่ดีของเราไว้"
มันเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองเข้าใจแล้วว่า การที่พวกเขาหยุดพูดกันและปล่อยให้ความเงียบปกคลุมไปนั้น มันไม่ใช่การหนีจากกัน แต่มันคือการยอมรับในความจริงที่ว่า บางสิ่งบางอย่างมันไม่สามารถย้อนกลับไปได้
ในวันนั้นที่ทั้งสองมานั่งตรงกันข้าม พวกเขาไม่อาจจะกลับไปเป็นเพื่อนสนิทเหมือนเดิม แต่ในที่สุดพวกเขาก็รู้ว่า การยอมรับและปล่อยวางเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ใจสงบ และการอยู่กับความเงียบอาจจะทำให้พวกเขาหายเจ็บปวดได้ในสักวันหนึ่ง
หลังจากที่ทั้งสองได้พูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาจนเสร็จสิ้นความเงียบที่ค้างคาในวันนั้น ชายหนุ่มทั้งสองกลับไปใช้ชีวิตในแต่ละวันเหมือนเดิม แต่ในใจของพวกเขายังคงมีคำถามและความรู้สึกที่ยากจะจัดการ ความสัมพันธ์ที่เคยเป็นอย่างแนบแน่นกลับทำให้พวกเขากลัวสิ่งที่ไม่สามารถย้อนกลับไปได้
หลายเดือนหลังจากวันนั้น ชายหนุ่มทั้งสองได้กลับมาทำงานร่วมกันอีกครั้งในโปรเจ็กต์ที่สำคัญ ทั้งสองพยายามจะเริ่มต้นใหม่ แต่ช่องว่างที่เกิดขึ้นในใจนั้นไม่อาจจะถูกปิดลงได้ง่ายๆ ความรู้สึกที่แตกต่างจากครั้งก่อนทำให้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม พวกเขาพยายามทำตัวเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง แต่ในความรู้สึกนั้นกลับกลายเป็นความระมัดระวังอย่างมาก ไม่กล้าจะไปให้ลึกกว่าเดิม
"มึงโอเคไหม?" ชายหนุ่มคนแรกถามขึ้นเมื่อเขาสังเกตเห็นความเงียบของเพื่อน เขารู้ดีว่าอะไรบางอย่างมันยังค้างอยู่ในใจ
ชายหนุ่มอีกคนยิ้มเบาๆ แม้แววตาของเขาจะพยายามปกปิดความรู้สึกที่มี "กูโอเค...แค่รู้สึกเหมือนทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว"
คำพูดนั้นทำให้ทั้งสองคนเงียบลง ความรู้สึกที่พวกเขามีต่อกันตอนนี้มันไม่เหมือนเดิม เพราะความรู้สึกที่ซับซ้อนภายในใจกลับสร้างระยะห่างที่มากเกินกว่าที่พวกเขาจะข้ามมันไปได้
"มึงไม่คิดว่าเราเคย...รู้สึกมากกว่าคำว่าเพื่อนเหรอ?" ชายหนุ่มคนแรกถามด้วยเสียงที่สั่นน้อยๆ เขาไม่สามารถหลบเลี่ยงความคิดนี้ได้อีกแล้ว
"กูคิด...แต่เราไม่เคยพูดถึงมัน" ชายหนุ่มอีกคนตอบ เขาหลบสายตาของเพื่อน เพราะในใจเขากลับเต็มไปด้วยความกลัว ความกลัวที่จะสูญเสียทุกอย่างที่พวกเขามีไป เพราะการรู้สึกมากเกินไปจะทำให้ทุกอย่างมันสับสนเกินไป
"มึงคิดว่า...ถ้ามึงบอกกูว่าเรารู้สึกแบบนั้น มันจะทำให้ทุกอย่างแย่ลงไหม?" ชายหนุ่มคนแรกถามด้วยท่าทางที่เหมือนกำลังหาคำตอบในใจของตัวเอง
"เราเคยเป็นเพื่อนกันดีๆ ทำไมต้องเสี่ยงไปกับความรู้สึกที่ไม่แน่ใจ?" ชายหนุ่มคนที่สองพูดเบาๆ เขาหวั่นกลัวว่าหากพวกเขาล้ำไปเกินกว่านี้ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะไม่สามารถยืนหยัดได้อีก
ทั้งสองคนได้แต่จ้องหน้ากันนิ่ง ความคิดในหัวพวกเขาเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ความรู้สึกที่มีมันยากเกินจะบรรยาย บางทีพวกเขาคิดว่าถ้าเผลอไปสักคำหนึ่ง ความสัมพันธ์ที่เคยมีอาจจะพังทลายลงไปอีกครั้ง
พวกเขากลัว... กลัวว่าใครสักคนจะไม่สามารถรับมือกับความรู้สึกที่ซับซ้อนนี้ได้ ความรักที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นมันไม่ใช่แค่ความรักธรรมดา มันคือความรักที่ซ่อนอยู่ในมุมมืด ความรักที่พวกเขาไม่สามารถจะยอมรับได้จนกว่าเวลาจะบอกพวกเขาว่ามันคงไม่เป็นเช่นเดิมอีกแล้ว
แต่ทั้งสองคนยังคงห่วงใยกันอยู่ ในช่วงเวลาเล็กๆ ที่ทั้งสองกลับมาใกล้กันอีกครั้ง มีการแสดงออกทางการกระทำที่อ่อนโยน แต่ทุกครั้งที่ความรู้สึกลึกๆ ปะทุขึ้นมาจากภายใน กลับทำให้พวกเขาต้องยืนนิ่งและหลบตา ไม่อยากยอมรับมันเพราะกลัวว่าจะทำลายทุกสิ่ง
"มึงรู้มั้ย... กูเกือบจะคิดว่ามึงเป็นมากกว่าเพื่อนแล้ว" ชายหนุ่มคนแรกพูดอย่างระมัดระวัง เขาหยุดไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ "แต่พอเราคุยกัน ก็รู้ว่าเรายังกลัวที่จะสูญเสียกันมากเกินไป"
"กูก็รู้... มันไม่เหมือนที่เราคิด แต่เราไม่สามารถกลับไปเหมือนเดิมได้" ชายหนุ่มอีกคนตอบ เขารู้สึกว่าเขากลัวความเจ็บปวดมากเกินไปที่จะเสี่ยงทำให้ทุกอย่างพังไปอีกครั้ง
ความสัมพันธ์ของทั้งสองเหมือนจะกลับมามีความหมายมากขึ้น แต่ก็เหมือนดั่งท่ามกลางทะเลที่ยังคงคลื่นลม พวกเขาพยายามจะเริ่มใหม่ แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ในใจมันทำให้ทุกอย่างไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ ความกลัวที่รออยู่ข้างในใจทั้งคู่ยังกดดันทั้งสองไม่ให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างเต็มที่
ในที่สุด ทั้งสองคนก็ต้องยอมรับความจริงว่า ความรู้สึกที่ไม่สามารถเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้ มันไม่ใช่แค่เรื่องของการปล่อยวาง แต่เป็นการยอมรับในความกลัวและการรักษาระยะห่างที่ทำให้พวกเขามองเห็นความจริงในสิ่งที่มันเป็น
พวกเขากลัวที่จะเจ็บปวด กลัวที่จะสูญเสียกัน แต่ในใจลึกๆ ทั้งสองก็ยังห่วงใยกันอยู่เสมอ เพียงแต่ความรักที่ซ่อนอยู่ในความสัมพันธ์นั้น กลับไม่สามารถเปิดเผยให้กันและกันได้ในตอนนี้
หลังจากการพูดคุยที่ราบรื่นแต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจจะปิดบังได้ ทั้งสองคนก็พยายามที่จะเริ่มต้นใหม่ แม้ว่าจะรู้ดีว่ารอยแผลในใจนั้นยังคงอยู่ การทำงานร่วมกันในโปรเจ็กต์เดียวกันอีกครั้งทำให้พวกเขามีโอกาสที่จะพยายามปรับจูนความสัมพันธ์ที่เคยแตกหัก แต่การที่ระยะห่างระหว่างกันมันถูกขยายออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ กลับทำให้ทุกสิ่งมันยากยิ่งขึ้น
ทุกครั้งที่พวกเขาพยายามจะกลับมาพูดคุยกันเหมือนเดิม กลับเหมือนมีอะไรบางอย่างขวางกั้น ไม่ว่าจะเป็นคำพูดที่ไม่กล้าพูดออกมา หรือการกระทำที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน ทั้งสองคนพยายามทำตัวให้เป็นเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกมันยังคงมีร่องรอยของการบาดแผลที่ลึกเกินกว่าจะลบออกได้
"มึงจะทำยังไงต่อไป?" ชายหนุ่มคนแรกถามในขณะที่ทั้งสองยืนอยู่ในห้องทำงาน มองไปที่จอคอมพิวเตอร์ที่เต็มไปด้วยไฟล์งานที่ยังค้างอยู่ เขารู้สึกว่าเขากำลังยืนอยู่กับคนแปลกหน้าคนหนึ่ง แม้ว่าจะเคยรู้จักกันดีมาก่อน
"กูไม่รู้... กูแค่รู้สึกเหมือนเราคนละคนกันแล้ว" ชายหนุ่มอีกคนตอบ ดวงตาของเขามองไปยังมุมห้องเหมือนพยายามหลีกเลี่ยงการสบตากับเพื่อนที่เขาเคยรู้จักดี "เราเคยสนิทกันมาก แต่ตอนนี้มันกลับยากที่จะกลับไปเหมือนเดิม"
ความเงียบปกคลุมไปทั่วห้อง ทำให้ทุกคำพูดที่ออกมาดูเหมือนจะหนักหน่วงขึ้น เมื่อคำถามเรื่องการกลับมาทำงานร่วมกันดูจะเป็นแค่เพียงการหาทางออกที่ไม่อาจจะอธิบายได้
"มึงไม่คิดว่ามันแปลกไหม?" ชายหนุ่มคนแรกถามเสียงต่ำ "เราทั้งสองเคยผ่านเรื่องราวมากมายด้วยกัน แต่ตอนนี้... มันเหมือนเราเป็นคนแปลกหน้ากันไปแล้ว"
ชายหนุ่มอีกคนพยักหน้าเบาๆ เขารู้สึกว่าทุกสิ่งที่เคยอยู่ในจุดเดียวกันตอนนี้กลับถูกดึงออกไปเรื่อยๆ ทุกการกระทำของเขาเองดูเหมือนจะไม่คุ้นเคยกับเขาเลย และการกระทำจากเพื่อนก็เช่นกัน เหมือนกับว่าเวลาและความเจ็บปวดได้ทำให้เขาและเพื่อนคนนี้เติบโตขึ้นจากกัน
"เราเคยอยู่ด้วยกันตลอดเวลา มึงยังจำได้ไหม?" ชายหนุ่มคนแรกถามขึ้น เขามองไปที่เพื่อนอย่างพยายามจะจับภาพความทรงจำที่เคยมีอยู่ในใจ "เราเคยมีความฝันเดียวกัน แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันกลับแตกต่างออกไป"
"กูรู้... แต่มันเหมือนกับว่าเราไม่สามารถเป็นคนเดิมได้อีกแล้ว" ชายหนุ่มอีกคนตอบเสียงแผ่ว เขากำลังพยายามอธิบายความรู้สึกที่เขาไม่สามารถบอกออกมาได้อย่างชัดเจน
ในช่วงเวลานั้น ทั้งสองคนเริ่มรู้สึกเหมือนกับว่า พวกเขาทั้งสองได้เติบโตขึ้นจากกัน การที่ห่างหายไปจากกันนานเกินไปมันทำให้ความสัมพันธ์ที่เคยมีมันไม่เหมือนเดิม ตอนนี้พวกเขากลายเป็นคนที่แตกต่างกันไปในแต่ละด้าน บางครั้งเขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองไม่ได้รู้จักเพื่อนคนนี้อีกแล้ว แม้จะเคยเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน
"มึงคิดว่าเราไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้แล้วเหรอ?" ชายหนุ่มคนแรกถามขึ้นอีกครั้ง แต่ในคำถามนั้นเต็มไปด้วยความเศร้า เขาไม่อาจจะหลบเลี่ยงความรู้สึกที่กำลังก่อตัวขึ้น
"กูคิดว่า... เราอาจจะกลับไปเป็นเพื่อนกันได้ แต่มันคงไม่เหมือนเดิม" ชายหนุ่มอีกคนตอบเสียงเศร้า "มึงและกูต่างก็เปลี่ยนไปแล้วในหลายๆ ด้าน เราเติบโตขึ้นในทางของตัวเอง"
ระยะห่างที่ทั้งสองรู้สึกว่ามันเกิดขึ้นจากความเจ็บปวดที่ไม่สามารถหายไปได้ ความกลัวที่จะสูญเสียกันและกันได้ทิ้งร่องรอยที่ลึกจนไม่สามารถจะลบออกได้ และในที่สุดมันทำให้พวกเขาเริ่มรู้สึกว่าไม่มีสิ่งใดจะสามารถคืนความสนิทสนมที่เคยมีได้อีกแล้ว
"บางที เราก็ต้องยอมรับความจริง" ชายหนุ่มคนแรกพูดขึ้น หลังจากที่เขาหมดคำพูด "บางสิ่งบางอย่างมันไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ เพราะเราทั้งคู่เปลี่ยนไปแล้ว"
"ใช่... เราไม่ได้เป็นคนเดิมอีกต่อไป" ชายหนุ่มอีกคนตอบ เขาหลบสายตาเพื่อนเหมือนจะหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้นจากคำพูดนั้น
ทั้งสองคนไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่สามารถเข้าใจกันได้เหมือนที่เคยเป็น แต่พวกเขากลับรู้ว่า การยอมรับในความเปลี่ยนแปลงของตัวเองและของกันและกันเป็นสิ่งที่จำเป็น พวกเขาเริ่มรู้ว่าแม้จะไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ ความสัมพันธ์ที่มีนั้นยังคงมีค่าในตัวมันเอง เพียงแต่ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันในรูปแบบที่ต่างออกไป
และในวันนั้น ทั้งสองคนได้ยืนอยู่ตรงกันข้ามเหมือนทุกครั้ง แต่ความสัมพันธ์ที่พวกเขามีในตอนนี้ไม่ใช่แค่เพื่อนเก่าอีกต่อไป มันเป็นความสัมพันธ์ที่ถูกสานขึ้นใหม่ในรูปแบบที่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจและยอมรับ
ในวันที่การทำงานร่วมกันกลายเป็นเรื่องปวดร้าวระหว่างชายหนุ่มทั้งสอง ทั้งคู่กลับมาคุยกันอีกครั้งในที่เดิม ที่ที่เคยเป็นสักขีพยานแห่งความสุขและความหวังในวันเก่าๆ บรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความรู้สึกที่ยากจะอธิบายออกมา
"มึงรู้มั้ย... ตอนนี้มันเหมือนกับว่าเรายืนอยู่บนเส้นขนาน" ชายหนุ่มคนแรกพูดขึ้น เสียงของเขาแฝงไปด้วยความเจ็บปวดและความสงสัย "เหมือนบางสิ่งที่เคยใกล้ชิดกันมาก กลับถูกดึงห่างออกไปจนมันดูไม่สามารถมาบรรจบกันได้อีกแล้ว"
ชายหนุ่มอีกคนพยักหน้าเบาๆ เขารู้ดีว่าความรู้สึกของพวกเขามันไม่ได้ง่ายเหมือนเมื่อก่อน "ใช่... มันเหมือนเส้นขนานที่ไม่มีวันตัดกัน แม้จะรักกันมากแค่ไหน แต่สุดท้ายเราก็ยังอยู่ห่างกัน"
ความรู้สึกที่ทั้งสองคนมีมันไม่ได้หายไปไหน แต่การเผชิญหน้ากับความจริงในปัจจุบันกลับทำให้ทุกอย่างยากเกินกว่าจะจัดการได้ ความรักที่เคยมีมันเปลี่ยนไปแล้ว ความกลัวที่จะถูกทอดทิ้งและสูญเสียกันมันทำให้ทั้งสองไม่สามารถจะก้าวไปข้างหน้าได้ ความหวั่นใจว่าทุกสิ่งที่พวกเขามีก็อาจจะไม่สำคัญอีกต่อไปเหมือนในอดีต ทำให้พวกเขาตัดสินใจที่จะเก็บความรู้สึกเหล่านั้นไว้ข้างในและพยายามทำตัวเหมือนเพื่อนกัน
"เรารู้สึกเหมือนมันมีบางอย่างที่มันผิดไปนะ" ชายหนุ่มคนแรกพูดเบาๆ เขามองเพื่อนของเขาเหมือนจะค้นหาคำตอบในสายตาของเขา "แต่เราก็ไม่สามารถทำให้มันเหมือนเดิมได้... ความกลัวมันทำให้เราหยุดไว้ที่นี่"
"กูเข้าใจ" ชายหนุ่มอีกคนตอบเสียงต่ำ "มันเหมือนทุกอย่างมันหายไปจากสิ่งที่เราเคยเป็น... ความกลัวที่จะถูกทอดทิ้งมันทำให้เราไม่กล้าจะเดินไปข้างหน้า กลัวว่าถ้าเรารักกันอีกครั้ง มันอาจจะจบลงเหมือนครั้งก่อน"
ความเงียบอีกครั้งปกคลุมระหว่างทั้งสอง คนหนึ่งมองไปที่เพื่อนด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความรัก แต่ก็เต็มไปด้วยความกลัวที่ไม่สามารถจะเอื้อมมือไปคว้าได้ คนหนึ่งรู้สึกว่าเขากำลังสูญเสียอะไรบางอย่างที่เคยมีอยู่ แต่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับมัน เพราะไม่อยากกลับไปเจ็บปวดอีกครั้ง
"เราเคยอยู่ด้วยกันได้ดี... แต่ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้?" ชายหนุ่มคนแรกถาม คำถามที่เต็มไปด้วยความสงสัยและความรู้สึกที่ไม่สามารถตอบได้ "ทำไมเราถึงไม่สามารถเป็นแบบนั้นอีกแล้ว?"
"มันเป็นเพราะความกลัว... ทั้งสองคนกลัวที่จะสูญเสียกัน" ชายหนุ่มคนที่สองตอบ เขาหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงที่หนักแน่น "เราเกรงว่าเมื่อเราผ่านจุดนี้ไป ความรู้สึกที่มีอาจจะไม่สำคัญอีกแล้ว มันจะกลายเป็นแค่ความทรงจำที่เจ็บปวด"
ทั้งสองคนรู้ดีว่าพวกเขากำลังหลงอยู่ในวงจรที่ไม่สามารถหลุดออกไปได้ ความรู้สึกที่มีมันเหมือนสิ่งที่พวกเขากำลังเก็บซ่อนไว้ข้างใน เพียงแต่ไม่กล้าที่จะเปิดเผยและไม่สามารถเชื่อมั่นในสิ่งที่พวกเขามีได้
"บางที... เราก็ต้องยอมรับว่า เราอาจจะไม่ได้เป็นคนที่มีกันและกันเหมือนเดิม" ชายหนุ่มคนแรกพูดด้วยเสียงที่เหมือนจะปล่อยวาง เขามองไปที่เพื่อนของเขาและรู้ว่าในตอนนี้ความรู้สึกที่ทั้งสองมีไม่สามารถจะเอื้อมไปหากันได้
"กูก็รู้... แต่มันยากที่จะยอมรับ" ชายหนุ่มอีกคนตอบ เขาหลบสายตาของเพื่อน เพราะไม่อยากให้เห็นความอ่อนแอที่เกิดขึ้นในใจ "บางครั้ง... ความรักมันก็ไม่พอ"
การพูดคุยในครั้งนั้นไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองดีขึ้น เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้พูดถึงความรู้สึกที่มี แต่ก็ยังคงเป็นการยอมรับว่า "มันคงไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว" ทั้งสองต่างก็กลัวความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากการรักกัน กลัวว่าทุกสิ่งที่พวกเขามีก็จะพังทลายเหมือนครั้งก่อน ทำให้ในที่สุด พวกเขาตัดสินใจที่จะปล่อยมือจากกัน
"บางทีเราคงต้องเดินทางคนละทาง" ชายหนุ่มคนแรกพูดเสียงเศร้า
"ใช่... บางทีเราคงต้องยอมปล่อยให้มันเป็นแค่ความทรงจำ" ชายหนุ่มอีกคนตอบ เขาหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ "ขอโทษนะที่ทำให้ทุกอย่างมันกลายเป็นแบบนี้"
"ไม่ต้องขอโทษหรอก... บางครั้งมันก็เป็นแค่ทางเดินที่เราต้องเลือก" ชายหนุ่มคนแรกยิ้มเศร้า เขาไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว เพราะเขารู้ดีว่าทั้งสองไม่สามารถจะจบเรื่องนี้ได้ในวันนี้
ทั้งสองคนเดินจากไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขารู้คือ ความรักที่เคยมีนั้นมันจะไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ในที่สุด ทั้งสองคนได้พบกันอีกครั้งหลังจากเวลาที่ห่างหายไปนาน แต่ครั้งนี้พวกเขารู้ดีว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ไม่ใช่เพราะไม่รักกัน แต่เพราะหลายสิ่งหลายอย่างที่ยับยั้งไม่ให้พวกเขาก้าวไปข้างหน้าได้ การเลือกที่จะเดินจากกันมันไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่าย แต่เป็นการยอมรับความจริงที่พวกเขาทั้งคู่รู้ดี
"มึง... กูรักมึงนะ" ชายหนุ่มคนแรกพูดออกไป ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันชัดเจนในใจ "แต่บางครั้ง เราก็ต้องยอมปล่อยให้สิ่งที่สวยงามที่สุดในชีวิตมันเป็นแค่ความทรงจำ"
ชายหนุ่มคนที่สองมองเขาด้วยแววตาที่ไม่ต่างกัน เขาเข้าใจในสิ่งที่เพื่อนกำลังพูด แม้จะรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบจนเกือบจะหยุดเต้น "กูก็รักมึง... แต่มันเหมือนกับว่าเราไม่สามารถเดินทางร่วมกันต่อไปได้แล้ว เราทั้งสองเติบโตขึ้นในทางที่ต่างกัน และการที่เรายังคงยึดติดกับกันอยู่ มันคงทำให้ทุกอย่างมันยิ่งเจ็บปวดไปกว่าเดิม"
คำพูดเหล่านั้นทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาคิดไว้ต้องเปลี่ยนแปลง ความรักที่เคยทำให้พวกเขามั่นใจว่าไม่มีอะไรที่ไม่สามารถก้าวผ่านไปได้ กลับกลายเป็นความรู้สึกที่ต้องยอมปล่อยออกไป การยอมจากกันไม่ใช่เพราะหมดรักกัน แต่มันคือการยอมรับว่า ความรักนั้นไม่ได้หมายความว่าจะต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป
"บางที การจากกันมันอาจจะดีที่สุดแล้ว... อย่างน้อยเรายังสามารถเก็บความทรงจำดีๆ เอาไว้ในใจ" ชายหนุ่มคนแรกกล่าวเสียงเศร้า เขารู้ดีว่าเขากำลังปล่อยสิ่งที่รักที่สุดออกไป แต่นั่นคือทางที่ดีที่สุดในตอนนี้
"ใช่... ความทรงจำที่เรามีกัน มันจะยังคงสวยงามตลอดไป" ชายหนุ่มอีกคนตอบ เขาหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้เพื่อน "ถึงจะไม่สามารถเป็นคนที่เคียงข้างกันได้ในตอนนี้ แต่กูรู้ว่าเราทั้งคู่จะเก็บสิ่งที่สวยงามนี้ไว้ในใจเสมอ"
ทั้งสองเงียบไปอีกครั้ง ความรู้สึกที่พวกเขามีต่อกันมันไม่สามารถจะลบหายไปได้ แต่อย่างไรก็ตาม การที่พวกเขายอมให้ความทรงจำเป็นสิ่งที่สวยงามในใจมันก็ช่วยให้ความเจ็บปวดน้อยลงไปได้ พวกเขาไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน แต่พวกเขาจะยังคงรักกันในแบบที่ต่างออกไป
เพราะพวกเขารู้ดีว่า บางครั้งการรักกันนั้นไม่จำเป็นต้องมีการครอบครอง
ในที่สุด ทั้งสองคนเดินแยกทางกันไป โดยที่ไม่ได้หันกลับไปมองอีกครั้ง การจากกันไม่ได้หมายความว่าความรักสิ้นสุดลง แต่เป็นการปล่อยให้มันเป็นความทรงจำที่ยังคงอยู่ในใจของทั้งสอง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น