ความสำคัญของความไม่สมบูรณ์: ศิลปะที่แท้จริงคือการเข้าใจความสามารถของตนเอง
"ความสำคัญของความไม่สมบูรณ์: ศิลปะที่แท้จริงคือการเข้าใจความสามารถของตนเอง"
เคยไหมที่รู้สึกโกรธหรือหงุดหงิดเมื่อมีใครบางคนบอกเราว่า "เธอไม่เก่งพอ" หรือเปรียบเทียบเรากับคนอื่นที่ดูเหมือนจะเก่งกว่า? ครั้งหนึ่ง เราก็เคยรู้สึกแบบนั้น โกรธจนเผลอปล่อยให้อีโก้บดบังสายตา ความรู้สึกไม่ยอมรับและปกป้องตนเองเข้ามากดทับความจริงบางอย่างไว้
แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป เรากลับพบว่าคำพูดเหล่านั้นไม่ได้เป็นเพียงคำวิจารณ์ แต่มันคือกระจกที่สะท้อนภาพเราที่แท้จริง ความไม่สมบูรณ์ของเรา ความไม่ใช่ที่สุดในทุกด้าน กลับกลายเป็นข้อได้เปรียบสำคัญ เพราะมันทำให้เราเริ่มมองหาความสมดุลในตัวเอง
ทฤษฎี "Growth Mindset" และความไม่สมบูรณ์
แครอล ดเว็ค (Carol Dweck) นักจิตวิทยาชื่อดังจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ผู้เขียนหนังสือ Mindset: The New Psychology of Success ได้นำเสนอแนวคิด "Growth Mindset" ซึ่งเน้นว่าความสามารถของคนเราสามารถพัฒนาได้ผ่านความพยายามและการเรียนรู้จากความล้มเหลว
เมื่อเรายอมรับว่าเราไม่สมบูรณ์และเปิดรับคำวิจารณ์ เราจะสามารถมองหาวิธีปรับปรุงหรือค้นพบทักษะอื่นที่เสริมตัวเราให้สมบูรณ์ขึ้น แทนที่จะมองความไม่เก่งของตัวเองเป็นจุดอ่อน เรากลับเริ่มมองเห็นมันเป็นโอกาสในการเติบโต
ตัวอย่างง่ายๆ คือ เมื่อมีคนบอกว่าเราวาดรูปไม่เก่งที่สุดแทนที่จะโกรธ เราเรียนรู้ว่ามีหลายคนที่เก่งกว่าในแง่ของทักษะเฉพาะ แต่สิ่งที่เราอาจมีเหนือกว่าคือ ความสมดุล เราอาจไม่ได้เป็นนักวาดที่ดีที่สุด แต่เราเป็นคนที่รู้จักจัดวางองค์ประกอบภาพ รู้ว่าควรทำงานร่วมกับใคร และรู้ว่าใครเก่งในสิ่งที่เราไม่ถนัด
ศิลปะของการร่วมมือ: ศิลปินที่ดีไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างคนเดียว
คนส่วนใหญ่มักยึดติดกับแนวคิดว่า "ศิลปินที่แท้จริงต้องทำทุกอย่างเอง" แต่เรามองต่างออกไป การสร้างสรรค์งานศิลปะไม่ใช่เรื่องของการลงมือทำคนเดียวเสมอไป หากเรามีแนวคิดที่ชัดเจน และงานที่ออกมายังคงสื่อสาร ข้อความ ที่เราต้องการส่งต่อ การทำงานร่วมกับผู้อื่นก็ไม่ได้ทำให้คุณค่าของงานลดลง
เหมือนกับสตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) ที่ไม่ได้เขียนโค้ดทุกบรรทัดด้วยตัวเอง แต่เขาเข้าใจว่าจะใช้คนที่เก่งที่สุดในด้านต่างๆ อย่างไรเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่เปลี่ยนโลก การทำงานของจ็อบส์เป็นตัวอย่างชัดเจนว่าการรู้จักดึงจุดแข็งของคนอื่นมาเสริมกับจุดอ่อนของตัวเองสำคัญเพียงใด
ความไม่เก่งเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาความเก่งอื่น
การถูกบอกว่าเราไม่เก่งในสิ่งหนึ่งอาจดูเหมือนเป็นเรื่องเจ็บปวด แต่จริงๆ แล้วมันเปิดโอกาสให้เราค้นหาสิ่งอื่นที่เราทำได้ดี เช่น เราอาจไม่ได้เก่งวาดรูปที่สุด แต่เราพบว่าเราเขียนบทความหรือเล่าเรื่องเก่ง เราอาจไม่เชี่ยวชาญด้านศิลปะลึกซึ้ง แต่เราเก่งด้านการจัดการโปรเจกต์และทำงานเป็น Curator หรือ Art Director
บทเรียนส่วนตัว: การเติบโตจากความไม่สมบูรณ์
เมื่อมองย้อนกลับไป เราไม่ได้รู้สึกโกรธกับคำพูดที่ว่าเราไม่เก่งอีกต่อไป แต่กลับรู้สึกขอบคุณ เพราะคำพูดเหล่านั้นผลักดันให้เรามองลึกลงไปในตัวเองและค้นพบจุดแข็งใหม่ๆ การยอมรับว่าตัวเองไม่สมบูรณ์ไม่ใช่ความพ่ายแพ้ แต่มันคือความกล้าหาญ
สุดท้าย เราอยากบอกกับผู้อ่านว่า คุณไม่จำเป็นต้องเก่งที่สุดในทุกด้าน ชีวิตไม่ได้ต้องการแชมป์เพียงหนึ่งเดียว แต่ต้องการคนที่รู้จักความสมดุล เข้าใจตัวเอง และพร้อมจะเรียนรู้จากทุกสิ่งรอบตัว
เพราะความไม่สมบูรณ์คือศิลปะแห่งการเป็นมนุษย์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น