การสร้างความสมดุลระหว่างความหลงใหลและการหาเงิน: เส้นทางสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน

การสร้างความสมดุลระหว่างความหลงใหลและการหาเงิน: เส้นทางสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน



ในยุคปัจจุบันที่เราผ่านงานมาหลายรูปแบบ เรารู้สึกเป็นห่วงอย่างยิ่งกับ mindset ของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะการที่หลายคนมักจะต้องการความสำเร็จหรือผลตอบแทนในทันที หรือที่เรียกว่า instant gratification การอยากได้อะไรแบบรวดเร็วเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในหลายวงการ เช่นวงการ NFT หรือในธุรกิจต่าง ๆ ที่เน้นการหาเงินเป็นหลัก แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีคนลืมไปว่าความอยากได้เร็วนี้อาจจะทำลายความชอบและความหลงใหลที่เคยมีอยู่

เรากลับมองว่า สิ่งที่สำคัญไม่ใช่แค่การทำงานหนักหรือการหาเงิน แต่การทำให้ความหลงใหลและ passion ของเรายังคงอยู่ คำถามที่ควรถามตัวเองคือ ทำไมเราตื่นขึ้นมาทุกวันและยังอยากฝึกฝนหรือทำสิ่งนั้น? นี่คือที่มาของ passion ความหลงใหลที่ทำให้เราทำงานโดยไม่รู้สึกว่าเป็นภาระ แต่เป็นสิ่งที่ทำให้เราเติบโตและพัฒนาตัวเองไปทุกวัน

หากเราเริ่มต้นทำสิ่งที่เรารักด้วยจุดประสงค์เพื่อหารายได้เพียงอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นการวาดรูป หรือทำงานในสายอื่น ๆ มันอาจจะทำให้ passion ของเราถูกทำลายไปในที่สุด เพราะเมื่อการทำงานไม่ได้เกิดจากความรักและความสนใจ มันก็จะกลายเป็นแค่การแลกเปลี่ยนเงินและงานจะไม่สนุกอีกต่อไป นอกจากนี้เรายังไม่สามารถแข่งขันกับคนที่ทำสิ่งนั้นด้วยความหลงใหลและตั้งใจจริงได้

เราควรแยกแยะประเภทของงานที่ทำเพื่อไม่ให้ตัวเองตกอยู่ในกับดักของการหาเงินอย่างเดียว โดยเฉพาะในสายงานที่เราต้องการจะเป็น top of the field หรือกลุ่มที่ดีที่สุดและมีรายได้สูงที่สุด

งานสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก:

  1. Low Hanging Fruit (Bread and Butter) – งานที่ทำง่าย ได้เงินเร็ว งานประเภทนี้มักจะไม่ค่อยต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มาก แต่สามารถช่วยให้เราได้รายได้ในระยะสั้นและเป็นงานที่เราสามารถทำได้เรื่อยๆ ในเวลาว่าง
  2. High Profile (Portfolio Building) – งานที่มุ่งเน้นการสร้างผลงานที่มีคุณภาพหรือเป็นที่รู้จัก แม้จะได้เงินไม่มาก แต่ช่วยเสริมสร้าง portfolio หรือประวัติการทำงานให้แข็งแกร่งขึ้น
  3. Pigeon Hole (Bonzai) – งานที่ให้เงินดี แต่มีข้อจำกัดในการเติบโต เนื่องจากคนจดจำเราจากประเภทงานเดิม เช่น การทำงานในแนวทางที่จำกัด ซึ่งทำให้เราอาจจะไม่ได้รับโอกาสใหม่ๆ หรือเติบโตในสายงานที่หลากหลาย

เมื่อเราทราบถึงประเภทของงานแล้ว สิ่งสำคัญคือการวางกลยุทธ์ในการเลือกงานให้เหมาะสมกับเป้าหมายของเรา เพราะหากเรามีแค่เงินอย่างเดียว โดยไม่สนใจผลกระทบหรือการพัฒนาในอนาคต มันอาจทำให้เราพลาดโอกาสที่จะก้าวขึ้นเป็น top player ในสายงานที่เราเลือก

กลยุทธ์ของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไปตามลักษณะชีวิตและความชอบส่วนตัว แต่สำหรับเราความสำเร็จอยู่ที่การทำงานที่สอดคล้องกับ passion โดยไม่จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับตลาดหรือความต้องการของคนอื่น ตัวเราเองก็เลือกที่จะสอนเพื่อเสริมสร้างรายได้หลักและรักษาความเป็นตัวเองในการทำงานศิลปะ

การสอนก็เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างเครือข่ายและรายได้อย่างยั่งยืน ในขณะเดียวกันก็ไม่ต้องกังวลว่าจะขายงานหรือทำงานอย่างอื่นเพื่อหาเงิน การสร้างรายได้จากการสอนช่วยให้เรามีเวลาในการพัฒนาตัวเองและไม่ต้องพึ่งพาการขายผลงานอย่างเดียว

ในฐานะที่เรามีประสบการณ์ในการสอนมาหลายปี การสร้างเครือข่ายและการเรียนรู้จากการสอนทำให้เราสามารถเข้าใจความรู้ใหม่ๆ ที่สามารถนำมาปรับใช้กับการสร้างผลงานศิลปะของเรา ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถปรับราคาผลงานของเราให้สูงขึ้นได้เรื่อยๆ โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องรายได้ระยะสั้น

สรุป

หากคุณต้องการเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในสายงานใดๆ ไม่เพียงแค่การหางานที่ได้เงินเร็ว แต่ต้องมีการพัฒนาตัวเองและทำสิ่งที่คุณรักไปพร้อมๆ กับการวางแผนในระยะยาว การสร้างสมดุลระหว่าง passion และการหาเงินเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากคุณอยากก้าวไปสู่การเป็น top of the field คุณต้องมีแนวคิดที่ไม่เพียงแค่คิดถึงผลกำไร แต่ต้องใส่ใจในความหลงใหลและสิ่งที่คุณทำจริงๆ ด้วย

ทุกการเลือกงานหรือกลยุทธ์การทำงานควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของความรักในสิ่งที่คุณทำ และการพัฒนาตัวเองเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่คุณตั้งใจไว้

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม