ระหว่างฟ้าดิน: สัญญาและหัวใจที่ไม่มีวันลบเลือน

เมื่อความรักคือคำตอบในโลกที่เปลี่ยนแปลง



ความรักอาจดูเหมือนสิ่งไร้รูปและเปราะบางในสายตาหลายคน โดยเฉพาะในโลกที่ทุกสิ่งดูเหมือนจะหมุนเร็วเกินไป และไม่มีอะไรคงทนตลอดไป แต่ถ้าเราลองมองผ่านมุมมองทางวิทยาศาสตร์และปรัชญา เราอาจพบว่าแม้ความรักจะไม่สามารถวัดค่าได้ด้วยตัวเลขหรือกราฟ แต่พลังของมันนั้นสะท้อนออกมาในทุกอณูของชีวิต

ความรักกับกฎเอนโทรปี: ทำไมมันถึงไม่จบสิ้น

เอนโทรปีในฟิสิกส์อธิบายว่า ทุกระบบในจักรวาลจะเคลื่อนเข้าสู่ความไร้ระเบียบเมื่อเวลาผ่านไป เช่นเดียวกับความรักที่ดูเหมือนเปราะบาง อาจสูญเสียความเข้มข้นในระยะยาว แต่ในอีกมุมหนึ่ง เอนโทรปียังบ่งบอกว่า ทุกสิ่งสามารถปรับตัวและเปลี่ยนรูปไปตามกาลเวลา

นักวิทยาศาสตร์และนักปรัชญาชาวเยอรมันชื่อ Erwin Schrödinger เคยกล่าวไว้ในหนังสือ "What is Life?" ว่า สิ่งมีชีวิตทั้งหมดคือการต่อสู้กับเอนโทรปี เพื่อคงความเป็นระเบียบไว้ ความรักก็เช่นกัน มันเป็นการต่อสู้เพื่อรักษาสิ่งล้ำค่าในหัวใจ แม้โลกภายนอกจะเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง

ความรักกับกฎเอนโทรปี: ทำไมมันถึงไม่จบสิ้น

เอนโทรปี (Entropy) คือแนวคิดสำคัญในวิชาฟิสิกส์ โดยเฉพาะในกฎข้อที่สองของอุณหพลศาสตร์ (Second Law of Thermodynamics) ซึ่งระบุว่า ระบบทุกระบบในจักรวาลมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไปสู่ความไร้ระเบียบหรือความยุ่งเหยิงสูงสุดเมื่อเวลาผ่านไป เราเห็นได้จากสิ่งง่ายๆ เช่น น้ำแข็งละลายเมื่อโดนความร้อน หรือบ้านที่ถูกปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้ดูแลก็จะค่อยๆ เสื่อมสภาพ

ความรักก็เช่นกัน มันมีลักษณะของระบบที่ต้องการพลังงานในการหล่อเลี้ยง หากปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปโดยไม่มีการดูแล ความรักอาจดูเหมือนว่า "จางหาย" หรือ "ไร้ชีวิตชีวา" แต่เมื่อเรามองในเชิงลึก ความรักไม่ได้สูญสลาย แต่แปรเปลี่ยนไปสู่รูปแบบอื่นที่ซับซ้อนและลึกซึ้งกว่า

ความรักและความไร้ระเบียบ: การเปลี่ยนแปลงคือความงดงาม

ในมุมของเอนโทรปี ความรักไม่ได้ตายหรือหายไป แต่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เช่น ความหลงใหลในช่วงเริ่มต้นของความสัมพันธ์อาจลดลง แต่แทนที่ด้วยความผูกพันที่มั่นคงและลึกซึ้งขึ้น สิ่งนี้สะท้อนถึงการที่ระบบในธรรมชาติไม่ได้สูญเสียพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่เปลี่ยนพลังงานให้กลายเป็นสิ่งใหม่

ในทางปฏิบัติ เราอาจพบว่า ความรักในครอบครัวที่เคยมีความขัดแย้ง กลับพัฒนาเป็นความเข้าใจเมื่อผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก หรือความสัมพันธ์ของคู่รักที่เคยหวานชื่นในวัยหนุ่มสาว อาจกลายเป็นความอบอุ่นและการพึ่งพากันในวัยชรา

ความรักกับพลังงานที่ไม่มีวันหายไป

จากหลักการของเอนโทรปี เรารู้ว่าแม้พลังงานในระบบจะกระจัดกระจายออกไป แต่พลังงานนั้นไม่ได้ "หายไป" มันเพียงแค่แปรเปลี่ยน เช่นเดียวกับความรัก แม้เราจะไม่สามารถรักษาความรู้สึกแบบเดิมไว้ได้ตลอด แต่สิ่งที่เหลืออยู่คือผลกระทบของความรักนั้น

ตัวอย่างเช่น ความรักที่เรามอบให้ใครสักคน อาจเปลี่ยนแปลงเขาให้กลายเป็นคนที่ดีขึ้น หรือช่วยให้เขามีพลังใจในการเผชิญหน้ากับโลก ความรักที่เราเคยสัมผัส ไม่ว่าจะจบลงด้วยการจากลาหรือการสูญเสีย ก็ยังคงอยู่ในรูปของความทรงจำที่ช่วยหล่อหลอมตัวตนของเรา

การดูแลความรัก: ต่อสู้กับเอนโทรปีในใจเรา

แม้เอนโทรปีจะทำให้ทุกสิ่งเคลื่อนไปสู่ความไร้ระเบียบ แต่มนุษย์มีความสามารถพิเศษในการ "สร้างระเบียบ" ขึ้นมาใหม่ นี่คือเหตุผลที่เราจำเป็นต้องดูแลความรัก เหมือนที่เราดูแลสวนที่ต้องรดน้ำหรือซ่อมแซมบ้านที่เสียหาย

ในชีวิตประจำวัน การแสดงออกถึงความรัก เช่น การให้เวลากัน ฟังกันด้วยใจ หรือแสดงความขอบคุณ สามารถช่วยเพิ่ม "พลังงาน" ให้กับระบบความสัมพันธ์ และช่วยชะลอความเสื่อมถอยตามธรรมชาติได้

ตัวอย่างชีวิตจริง: ความรักที่แปรเปลี่ยน แต่ไม่สูญสิ้น

คิดถึงผู้ปกครองที่ทำงานหนักเพื่อลูก แม้ลูกอาจเติบโตและแยกย้ายไปมีชีวิตของตัวเอง แต่พลังของความรักนั้นยังคงอยู่ในความทรงจำและความผูกพันระหว่างพวกเขา หรือคู่รักที่ใช้ชีวิตร่วมกันมายาวนาน อาจไม่ได้มีความโรแมนติกเหมือนวันแรก แต่ความรักที่เปลี่ยนเป็นความเคารพและการพึ่งพากันยังคงเป็นพลังที่ขับเคลื่อนชีวิต

บทสรุป: ความรักในจักรวาลที่เปลี่ยนแปลง

เอนโทรปีสอนเราว่า ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลง และความรักก็เช่นกัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าความรักต้องจบสิ้น ความเปลี่ยนแปลงเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติและเป็นสิ่งที่ทำให้ความรักมีความหมาย

ทุกคนจึงควรยอมรับว่า ความรักไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่มันคือการเดินทางที่ไม่มีวันสิ้นสุด มันอาจเปลี่ยนแปลงรูปร่างและทิศทาง แต่พลังของมันยังคงอยู่ในหัวใจของเราเสมอ

"ความรักไม่ได้วัดด้วยการอยู่ยืนยาวของมัน แต่ด้วยความจริงใจที่เรามอบให้ในทุกช่วงเวลา"

ปรัชญาตะวันออก: ความรักคือสมดุลแห่งจักรวาล

ในปรัชญาเต๋า (Taoism) ความรักถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของการไหลเวียนของพลังงานในจักรวาล คล้ายกับหยินและหยางที่ต้องสมดุลกัน แม้วันพรุ่งนี้จะมืดมนหรือเจ็บปวด แต่ความรักไม่ใช่สิ่งที่มีจุดจบ มันเพียงเปลี่ยนแปลงรูปร่าง และยังคงอยู่ในรูปแบบของความทรงจำ การกระทำ หรือพลังที่หล่อเลี้ยงชีวิตของเรา

ปรัชญาตะวันออก: ความรักคือสมดุลแห่งจักรวาล

ในปรัชญาเต๋า (Taoism) ความรักไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเพียงอารมณ์ที่เกิดขึ้นในตัวบุคคล แต่มันเป็นพลังงานที่มีอยู่ในธรรมชาติ เป็นส่วนหนึ่งของ "เต๋า" หรือเส้นทางแห่งจักรวาล ทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนเกิดจากความสมดุลระหว่างสองด้านที่ตรงข้ามกัน นั่นคือ หยิน และ หยาง ซึ่งแสดงถึงความมืดและความสว่าง ความนิ่งและการเคลื่อนไหว ความอ่อนโยนและความแข็งแกร่ง

ในบริบทของความรัก หยินและหยางสื่อถึงความสมดุลระหว่างการให้และการรับ การเข้าใจและการถูกเข้าใจ ความรักจึงไม่ใช่สิ่งที่ต้องสมบูรณ์แบบ แต่เป็นสิ่งที่ต้องปรับตัว เปลี่ยนแปลง และเคลื่อนไหวไปตามการไหลเวียนของชีวิต

ความรักในสายตาเต๋า: การเคลื่อนไหวที่ไม่มีวันสิ้นสุด

ปรัชญาเต๋ามองว่าความรักเป็นเหมือนแม่น้ำที่ไหลไปตามธรรมชาติ มันอาจสงบนิ่งในบางช่วงเวลา และอาจเชี่ยวกรากในบางช่วงอื่น แต่สิ่งสำคัญคือมันไม่มีวันหยุดนิ่ง เช่นเดียวกับการไหลเวียนของพลังงานในจักรวาล

เมื่อเผชิญกับความรักที่ดูเหมือนจะจบลงหรือเปลี่ยนแปลงไป เราอาจเข้าใจได้ว่า นั่นคือการเปลี่ยนรูปร่างของพลังงาน เช่นเดียวกับที่ฤดูกาลเปลี่ยนจากใบไม้ผลิสู่ฤดูหนาว ความรักไม่ได้หายไป มันเพียงเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมกับบริบทของเวลา

หยินและหยางในความสัมพันธ์

ในความสัมพันธ์ ความสมดุลระหว่างหยินและหยางคือการยอมรับในสิ่งที่แตกต่างและเติมเต็มซึ่งกันและกัน เช่น ในคู่รัก อาจมีคนหนึ่งที่มีลักษณะอ่อนโยนและละเอียดอ่อน (หยิน) ขณะที่อีกคนอาจมีลักษณะเข้มแข็งและกล้าหาญ (หยาง) แต่ทั้งสองลักษณะไม่ใช่สิ่งที่ขัดแย้งกัน หากมองในมุมของเต๋า มันคือส่วนหนึ่งของความสมดุลที่ช่วยให้ความรักดำเนินต่อไป

ตัวอย่างที่ชัดเจนคือในธรรมชาติเอง ฟ้าฝนที่สลับกันระหว่างความแห้งแล้งและความชุ่มชื้น หรือทะเลที่สงบนิ่งและรุนแรงในบางเวลา สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ความสมดุลในชีวิตและความรักไม่ได้หมายถึงความราบเรียบ แต่หมายถึงการเคลื่อนไหวระหว่างขั้วตรงข้ามเพื่อสร้างความสมบูรณ์

ความรักในปรัชญาตะวันออก: การยอมรับและการปล่อยวาง

ปรัชญาเต๋ายังสอนเรื่องการปล่อยวาง (wu wei) ซึ่งไม่ได้หมายถึงการละเลย แต่คือการยอมรับในธรรมชาติของสิ่งต่างๆ และให้พวกมันเคลื่อนไปตามเส้นทางของมัน ความรักที่ดีจึงไม่ได้มาจากการพยายามควบคุมหรือเปลี่ยนแปลงอีกฝ่าย แต่จากการยอมรับในตัวตนที่แท้จริงของเขา

เมื่อเรายอมรับความรักในแบบที่มันเป็น เราจะเห็นได้ว่า แม้บางครั้งความรักจะมาพร้อมกับความเจ็บปวดหรือการสูญเสีย แต่นั่นเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรที่ช่วยให้เราเติบโต

ความทรงจำและพลังของความรักที่ไม่มีวันดับ

แม้ความรักอาจจบลงในแง่ของความสัมพันธ์ แต่ในมุมมองของเต๋า ความรักยังคงอยู่ในรูปของความทรงจำ การกระทำ และพลังงานที่หล่อเลี้ยงชีวิตเรา เช่นเดียวกับหยินและหยางที่ไม่เคยหายไปจากจักรวาล ความรักที่เคยมีจึงยังส่งผลต่อจิตใจของเราในทางใดทางหนึ่งเสมอ

การกระทำเล็กๆ ที่เราทำด้วยความรัก เช่น การยิ้มให้กัน การช่วยเหลือ หรือคำพูดที่ให้กำลังใจ อาจดูเหมือนเรื่องเล็กน้อย แต่ในทางปรัชญา มันคือส่วนหนึ่งของพลังงานที่แผ่กระจายและเชื่อมโยงกับจักรวาล

บทสรุป: ความรักที่เป็นนิรันดร์ในจักรวาล

ปรัชญาเต๋ามอบบทเรียนให้เราเข้าใจว่า ความรักไม่ใช่สิ่งที่มีจุดเริ่มต้นและจุดจบ แต่มันเป็นพลังงานที่เคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลง และสมดุลไปพร้อมกับจักรวาล

"หยินและหยางไม่เคยแยกจากกัน เช่นเดียวกับความรักที่ไม่เคยสิ้นสุดในหัวใจมนุษย์"

เมื่อทุกคนเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงในความรัก ขอให้จำไว้ว่า มันไม่ได้หายไป แต่เพียงแปรเปลี่ยนและส่งผลต่อชีวิตเราในรูปแบบใหม่เสมอตัวอย่างจากวรรณกรรม: เมื่อหัวใจไม่ยอมลบเลือน

ในวรรณกรรมคลาสสิกเรื่อง “Wuthering Heights” ของ Emily Brontë แคทเธอรีนและฮีทคลิฟฟ์รักกันจนแม้ความตายก็ไม่อาจแยกพวกเขาออกจากกัน นี่สะท้อนถึงความจริงที่ว่า ความรักเป็นพลังที่สามารถเปลี่ยนความทุกข์ให้กลายเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงจิตใจ แม้จะต้องเจ็บปวด

เมื่อทุกคนเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงในความรัก: ตัวอย่างจากวรรณกรรม “Wuthering Heights”

เมื่อเรากล่าวว่าความรักไม่ได้หายไปเพียงเพราะมันเปลี่ยนรูปร่าง วรรณกรรมคลาสสิก “Wuthering Heights” ของ Emily Brontë เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของแนวคิดนี้ ในเรื่องนี้ ความรักของแคทเธอรีนและฮีทคลิฟฟ์ไม่ได้ถูกจำกัดด้วยชีวิต ความตาย หรือความเจ็บปวดของความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน แต่กลับถูกหล่อเลี้ยงด้วยความทรงจำ ความโหยหา และความผูกพันที่ลึกซึ้งเกินกว่ากาลเวลา

เรื่องย่อ: เมื่อหัวใจไม่ยอมลบเลือน

ในวรรณกรรมคลาสสิก “Wuthering Heights” ของ Emily Brontë ความรักระหว่างแคทเธอรีนและฮีทคลิฟฟ์ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความรู้สึก หากแต่เป็นสายใยที่ลึกซึ้งและซับซ้อนเกินกว่าจะตัดขาด แม้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความขัดแย้ง ความรักที่ฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณกลับไม่เคยเลือนหาย

เมื่อแคทเธอรีนต้องจากโลกนี้ไป ฮีทคลิฟฟ์ยังคงถูกขับเคลื่อนด้วยความรักและความโหยหา แม้จะอยู่ในรูปแบบที่ขมขื่น แต่จิตวิญญาณของทั้งคู่ก็ยังคงเชื่อมโยงกัน แม้ความตายจะพรากพวกเขาออกจากกัน ในท้ายที่สุด ความรักที่ดูเหมือนจะสิ้นสุดในชีวิตจริงกลับเบ่งบานอีกครั้งในโลกหลังความตาย

“Wuthering Heights” สะท้อนให้เห็นว่าความรักไม่ใช่สิ่งที่จบลง แต่มันเปลี่ยนแปลงและสร้างผลกระทบที่ยาวนาน ทั้งในตัวตนของผู้ที่ยังมีชีวิตและในจิตวิญญาณของผู้ที่จากไป ความรักไม่ได้หายไป เพียงแค่แปรเปลี่ยนเป็นพลังที่หล่อเลี้ยงและขับเคลื่อนชีวิตของเราในแบบที่ลึกซึ้งและซับซ้อนที่สุดความรักที่ฝังรากลึกในหัวใจ: แคทเธอรีนและฮีทคลิฟฟ์

แคทเธอรีนและฮีทคลิฟฟ์ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์แบบ ความรักของพวกเขาเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ความอิจฉา และความไม่เข้าใจ แต่สิ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาทรงพลังคือความลึกซึ้งในอารมณ์ที่ไม่มีวันจางหาย

แคทเธอรีนกล่าวถึงฮีทคลิฟฟ์ว่า

"I am Heathcliff – he’s always, always in my mind: not as a pleasure, any more than I am always a pleasure to myself, but as my own being."

คำพูดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งจนแยกไม่ออกว่าใครคือใคร ความรักกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวตน ซึ่งไม่อาจลบเลือน แม้เมื่อแคทเธอรีนจากโลกนี้ไป ความรักยังคงอยู่ในจิตวิญญาณของฮีทคลิฟฟ์ และแสดงออกผ่านการกระทำของเขา แม้หลายครั้งจะดูรุนแรงและเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

ความรักเปลี่ยนรูปร่าง แต่ไม่เคยเลือนหาย

หลังจากการสูญเสียแคทเธอรีน ฮีทคลิฟฟ์ไม่ได้สูญเสียความรัก แต่เขาเปลี่ยนมันเป็นพลังที่ผลักดันการดำเนินชีวิตของเขา ความรักในหัวใจของเขาไม่ได้เป็นเพียงความทรงจำของคนที่จากไป แต่กลายเป็นความหลงใหล ความโหยหา และแรงผลักดันที่ยังคงมีอยู่

ในท้ายที่สุด เมื่อทั้งแคทเธอรีนและฮีทคลิฟฟ์เสียชีวิต จิตวิญญาณของพวกเขากลับไปพบกันอีกครั้งในชนบทของ Wuthering Heights ความรักของพวกเขาไม่ได้จบสิ้น แต่มันแปรเปลี่ยนจากความเจ็บปวดในชีวิตเป็นการพบเจอที่สมบูรณ์ในโลกหลังความตาย

บทเรียนจาก “Wuthering Heights” สู่ชีวิตของเรา

ในชีวิตจริง ความรักที่เปลี่ยนแปลงหรือสูญหายอาจทำให้เรารู้สึกเหมือนบางสิ่งในตัวเราถูกพรากไป แต่ในความเป็นจริง ความรักไม่ได้หายไป มันเพียงเปลี่ยนแปลงรูปร่าง เช่นเดียวกับที่แคทเธอรีนและฮีทคลิฟฟ์ยังคงเชื่อมโยงกันแม้จะอยู่ในโลกที่แตกต่าง

ความทรงจำ ความรู้สึก และประสบการณ์ที่เรามีกับคนที่เรารัก ยังคงอยู่ในตัวเราในรูปแบบของบทเรียน ความเข้มแข็ง และความโหยหาที่อาจกลายเป็นแรงบันดาลใจในการก้าวต่อไป

บทสรุป: ความรักที่ไร้กาลเวลา

เมื่อเราผ่านความเปลี่ยนแปลงในความรัก ขอให้เราจดจำว่ามันไม่ได้สูญสิ้น แต่มันแปรเปลี่ยนเพื่อสร้างความหมายใหม่ในชีวิตของเรา เช่นเดียวกับที่ฮีทคลิฟฟ์เปลี่ยนความรักที่สูญเสียไปเป็นพลังในการดำเนินชีวิต

ทุกคนจงจำไว้ว่า

"ความรักที่แท้จริง ไม่ใช่สิ่งที่จบสิ้น แต่มันคือพลังที่ไม่มีวันเลือนหาย และยังคงก้องอยู่ในหัวใจของเราเสมอ"ความเห็นส่วนตัว

ทุกคนที่เคยเผชิญความไม่แน่นอนในชีวิตคงเข้าใจดีว่าความรักมักมาพร้อมกับความเสี่ยง ความกลัว และความเจ็บปวด แต่มันก็คือสิ่งที่ทำให้เรายังเชื่อในวันพรุ่งนี้

บางครั้ง ความรักไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบหรือเป็นนิรันดร์ในแบบที่เราเข้าใจ แต่มันคือการยืนหยัดเพื่อกันและกันในช่วงเวลาที่โลกภายนอกโหดร้ายที่สุด เหมือนมือที่จับไว้ในคืนมืดมิด หรือคำสัญญาที่บอกว่า “ฉันอยู่ตรงนี้เพื่อเธอ”

ถ้าเรายอมรับความไม่แน่นอนของโลกและความเปลี่ยนแปลง เราอาจพบว่า แม้เอนโทรปีจะเพิ่มขึ้นในทุกวินาที แต่ความรักจะยังเป็นพลังที่หล่อเลี้ยงชีวิตเราไปจนถึงจุดสิ้นสุดของการเดินทาง

ทุกคนลองถามตัวเองว่า วันนี้เราได้ทำให้ใครบางคนรู้สึกถึงพลังของความรักหรือยัง? หรือเราได้มอบพลังนี้ให้ตัวเองบ้างไหม เพราะสุดท้ายแล้ว ความรักที่แท้จริงเริ่มจากเรา และกระจายสู่คนรอบข้างในแบบที่ไม่ต้องสมบูรณ์แบบ แต่ "จริงใจ" และ "มั่นคง" เสมอ

เราเชื่อในพลังของทุกคน ที่จะมอบรักให้โลกใบนี้ได้ไม่สิ้นสุด


ในคืนมืดมิดที่เธอกลัว

เสียงใจเธอร่ำร้องถึงวันที่ผ่านมา

ความกลัวคำสัญญาที่อาจล่มสลาย

แต่จงมองฟ้าไกลที่ยังมีแสง

---

Pre-Chorus

แม้โลกนี้ไม่มีอะไรจะคงทนเสมอไป

แต่ทุกนาทีนี้คือรักที่จริงใจ

อย่ากลัวว่าฉันจะหายลับไป

เพราะดวงใจยังอยู่ตรงนี้เพื่อเธอ

---

Chorus

จงมั่นใจในรักที่มอบให้

แม้วันพรุ่งนี้จะไม่แน่นอนเสมอไป

แต่สัญญาจะรักเธอตลอดไป

แม้ฟ้าดินจะเปลี่ยนพรากใจเรา

แต่หัวใจฉันนี้ยังเป็นของเธอ

---

Verse 2

ในทุกเส้นทางที่ดูเดียวดาย

เธอหวั่นไหวว่ารักนี้จะสิ้นสูญ

อย่าปล่อยให้เงาของความกลัวครอบงำ

แค่จับมือฉันไว้และมองที่หัวใจฉัน

---

Pre-Chorus

แม้โลกนี้ไม่มีอะไรจะคงทนเสมอไป

แต่ทุกนาทีนี้คือรักที่จริงใจ

อย่ากลัวว่าฉันจะหายลับไป

เพราะดวงใจยังอยู่ตรงนี้เพื่อเธอ

---

Chorus

จงมั่นใจในรักที่มอบให้

แม้วันพรุ่งนี้จะไม่แน่นอนเสมอไป

แต่สัญญาจะรักเธอตลอดไป

แม้ฟ้าดินจะเปลี่ยนพรากใจเรา

แต่หัวใจฉันนี้ยังเป็นของเธอ

---

Bridge

ให้เธอจดจำทุกวินาทีที่มี

มันคือรักที่ล้ำค่าเกินคำบรรยาย

แม้ทางแยกที่เราอาจต้องเจอเสมอไป

แต่รักนี้จะยังคงเป็นนิรันดร์เสมอไป

---

Chorus

จงมั่นใจในรักที่มอบให้

แม้วันพรุ่งนี้จะไม่แน่นอนเสมอไป

แต่สัญญาจะรักเธอตลอดไป

แม้ฟ้าดินจะเปลี่ยนพรากใจเรา

แต่หัวใจฉันนี้ยังเป็นของเธอ

---

Outro

แม้ไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป

แต่วันนี้รักที่ฉันให้เป็นนิรันดร์

และแม้หนทางจะไกลสุดขอบฟ้า

ฉันสัญญา... จะรักเธอตลอดไป


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม