ชีวิต และสิ่งที่ควรทำก่อนจะสายเกินไป
ชีวิต และสิ่งที่ควรทำก่อนจะสายเกินไป
"ถ้าแม่ตาย อย่าร้องไห้นะลูก มันคือเรื่องธรรมชาติ" เป็นคำพูดที่แม่มักจะเอ่ยเสมอ แม่กับพ่อไม่ได้จัดงานแต่งงาน ไม่เคยมีงานเฉลิมฉลองใหญ่โต แต่ทั้งสองก็อยู่เคียงข้างกันมากว่าครึ่งศตวรรษ ความสัมพันธ์ที่เรียบง่ายและมั่นคงนั้นกลายเป็นบทเรียนชีวิตที่ล้ำค่าสำหรับผม
วันหนึ่ง ผมได้ดูวิดีโอที่สะกิดใจจนต้องหยุดคิด:
**“ผมไม่ต้องการดอกไม้เวลาผมตาย
ไม่ต้องการให้ใครบินมาร่วมงานศพของผม
ไม่ต้องการคำอุทิศหรือคำแสดงความเสียใจ
ไม่ต้องการให้ใครร่ำลือว่าผมมีค่าต่อโลกนี้แค่ไหน
หรือเสียดายแค่ไหนที่ผมจากไป
ไม่ต้องการน้ำตาเวลาผมตาย”**
“ถ้าอยากจะทำอะไรเพื่อผม
อยากบอกอะไรกับผม
ทำตอนที่ผม ยังอยู่ สิ”
มันทำให้ผมฉุกคิดถึงความจริงที่เรามักมองข้าม เราทุกคนหวังว่าวันที่เราจากไป งานศพจะเรียบง่าย ไม่มีน้ำตา ไม่มีคนมากมายมาร่ำไห้ มีเพียงครอบครัวและคนใกล้ชิดก็เพียงพอ
ผมคิดถึงงานแต่งงาน—ถ้าผมโชคดี (หรืออาจจะโชคร้าย) ได้มีคู่ชีวิตจริงๆ ผมก็อยากจัดงานที่เรียบง่ายที่สุด มีเพื่อนสนิทไม่กี่คน ครอบครัวไม่กี่คนก็เพียงพอ ไม่ต้องการพิธีรีตองหรูหรา
จะใส่ชุดสวยๆ หรือถ่ายรูปดีๆ จะทำวันไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันแต่งงาน เช่นเดียวกับความรักหรือการแสดงความห่วงใย อย่ารอจนกระทั่งคนที่เรารักไม่มีโอกาสรับรู้
สิ่งนี้ทำให้ผมนึกถึงความแตกต่างที่แสนตรงกันข้ามระหว่างงานแต่งงานกับงานศพ—งานหนึ่งหมายถึงจุดเริ่มต้น อีกงานหนึ่งคือจุดจบ
แต่ทั้งสองต่างย้ำเตือนว่า:
ถ้าอยากสนับสนุนศิลปินคนไหน
อยากแสดงความรักต่อใคร
ทำตอนที่เขา ยังมีชีวิตอยู่ จะดีที่สุดครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น