ศิลปินไม่ใช่เกิดมา แต่คือการเป็น: ศาสตร์แห่งการถอดวิญญาณสร้างอัจฉริยะในตัวคุณ

"ศิลปินไม่ใช่เกิดมา แต่คือการเป็น: ศาสตร์แห่งการถอดวิญญาณสร้างอัจฉริยะในตัวคุณ"



เคยไหมที่คุณอยากเก่งในบางสิ่งจนเหมือนคนที่คุณชื่นชม อยากเป็นแวนโก๊ะห์ อยากเป็นปิกัสโซ หรืออาจเป็นใครสักคนที่โลกเรียกว่าอัจฉริยะ แล้วคุณก็คิดว่า "เป็นไปไม่ได้" เพราะมันดูเหนือจริงเกินไป

แต่ถ้าเราบอกว่าวิธีนั้นเป็นไปได้จริงล่ะ และมันไม่ได้เป็นแค่คำพูดเพ้อฝัน แต่มันคือกระบวนการทางจิตใจที่สามารถอธิบายได้ด้วยศาสตร์ทางจิตวิทยา เช่น Self-Identification Theory (ทฤษฎีการระบุตัวตน) ที่อธิบายว่ามนุษย์สามารถพัฒนาตัวตนใหม่โดยการสวมบทบาทหรือหลอมรวมตัวเองกับคุณสมบัติของคนที่พวกเขาชื่นชมได้

ลองคิดถึงวิธีการที่นักแสดงใช้ พวกเขาไม่เพียงแค่ แสดง เป็นตัวละคร แต่พวกเขา เป็น ตัวละครนั้นจริงๆ ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า Method Acting วิธีนี้ช่วยให้นักแสดงเข้าถึงอารมณ์ ความคิด และจิตวิญญาณของตัวละครที่พวกเขารับบท ทำให้การแสดงของพวกเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความสมจริงและน่าจดจำ

วิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังการ “เป็น” ใครสักคน

ทฤษฎีทางจิตวิทยาที่สนับสนุนแนวคิดนี้คือ Self-Concept Transformation หรือการเปลี่ยนแปลงแนวคิดเกี่ยวกับตัวตนของเรา นักจิตวิทยา Carl Rogers เคยกล่าวว่า ตัวตนของเรามีความยืดหยุ่นและสามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากเราสร้างภาพตัวตนใหม่ที่สอดคล้องกับคุณค่าหรือเป้าหมายที่เราต้องการ

ในหนังสือ "Man's Search for Meaning" โดย Viktor Frankl มีข้อความหนึ่งที่ทรงพลังที่สุด เขากล่าวว่า:
“When we are no longer able to change a situation, we are challenged to change ourselves.”
ในช่วงเวลาที่คุณรู้สึกเหมือนติดอยู่ในกรอบชีวิตเดิมๆ นี่คือโอกาสที่จะเปลี่ยนตัวเอง เปลี่ยนจิตใจ และเปลี่ยนวิธีที่คุณมองตัวเอง

"ถอดวิญญาณ" ไม่ใช่แค่คิด แต่ต้องเป็น

แนวคิดนี้ไม่ได้หมายความว่าคุณแค่คิดว่า “ฉันเป็นแวนโก๊ะห์” แล้วทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลง แต่หมายถึงการยอมรับและหลอมรวมทุกแง่มุมของแวนโก๊ะห์เข้ามาในตัวคุณ ไม่ว่าจะเป็นวิธีคิด อารมณ์ ความหลงใหล หรือแม้แต่ความเจ็บปวด คุณต้องปล่อยให้จิตวิญญาณของเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของคุณ

วิธีฝึกฝน "ถอดวิญญาณ"

  1. ศึกษาอย่างลึกซึ้ง
    เรียนรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับบุคคลที่คุณต้องการเป็น เข้าใจว่าพวกเขาคิดอย่างไร เห็นโลกอย่างไร และสิ่งใดที่ทำให้พวกเขาแตกต่าง

  2. สวมบทบาทในชีวิตจริง
    หากคุณอยากเป็นแวนโก๊ะห์ ลองใช้ชีวิตแบบที่เขาใช้ สร้างงานศิลปะด้วยความรู้สึกแบบที่เขาเคยรู้สึก ให้ตัวเองจมลงในโลกที่เขาเคยอยู่

  3. ฝึกฝนความคิดและอารมณ์
    วิธีนี้คือการฝึกจิตให้รู้สึกและคิดแบบบุคคลนั้นโดยใช้จินตนาการและการจำลองสถานการณ์

  4. ยอมรับความล้มเหลวและความเจ็บปวด
    ศิลปินหลายคนสร้างสรรค์ผลงานที่ยิ่งใหญ่จากความเจ็บปวด จงยอมรับความเจ็บปวดในชีวิตของคุณ และเปลี่ยนมันให้เป็นแรงบันดาลใจ

บทเรียนจากความสำเร็จ

เราเองเคยใช้วิธีนี้ในชีวิตจริง เมื่อครั้งหนึ่งเราอยากสร้างผลงานศิลปะที่มีคุณค่า เราไม่ได้แค่คิดว่าเราเป็นศิลปิน แต่เรา "เป็น" ศิลปินจริงๆ เราสวมจิตวิญญาณของคนที่เราชื่นชม เข้าใจว่าเขามองโลกอย่างไร และใช้มันเป็นเครื่องมือในการสร้างสรรค์ผลงาน ผลลัพธ์คือ เราสามารถสร้างพอร์ตงานที่ไม่เพียงได้รับการยอมรับ แต่ยังชนะการประกวดในระดับนานาชาติ

แต่แน่นอน ทุกสิ่งมีราคาที่ต้องจ่าย การสวมบทบาทเช่นนี้อาจทำให้คุณรู้สึกหลงทางในตัวตนเดิมของคุณ หรือแม้แต่รู้สึกเหมือน “บ้า” แต่นั่นอาจเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการสร้างบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่

ความเห็นส่วนตัว

บางครั้งการ “เป็น” ใครสักคนอาจไม่ได้หมายถึงการลอกเลียนแบบ แต่คือการยอมรับว่าสิ่งที่เราชื่นชมในตัวเขานั้นอยู่ในตัวเราด้วย การถอดวิญญาณคือการเปิดโอกาสให้คุณเข้าถึงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง ใช้จินตนาการและความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็นคนที่คุณอยากเป็น และบางทีคุณอาจค้นพบว่าคุณไม่เพียงแค่เป็นแวนโก๊ะห์ คุณคือ “คุณ” ในเวอร์ชันที่ยอดเยี่ยมที่สุด

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม