ทำเต็มที่แล้วปล่อยวาง: ปล่อยให้ชีวิตเดินไปในทิศทางที่มันควรจะเป็น

"ทำเต็มที่แล้วปล่อยวาง: ปล่อยให้ชีวิตเดินไปในทิศทางที่มันควรจะเป็น"



ชีวิตในปัจจุบันเต็มไปด้วยการแข่งขันและการเปรียบเทียบที่ไม่รู้จบ ความคาดหวังจากสังคมและจากตัวเองกำลังหล่อหลอมรูปแบบความคิดของเราทุกวัน บางครั้งการคิดว่าต้องทำสิ่งต่างๆ ให้ดีที่สุดในทุกๆ เรื่องเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบอาจทำให้เราหลงลืมสิ่งที่สำคัญจริงๆ นั่นคือการทำให้ดีที่สุดแล้วปล่อยวาง การคาดหวังไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่การคาดหวังมากเกินไปและยึดติดกับผลลัพธ์นั้นอาจจะทำให้ชีวิตของเราหมดความสุขได้ โดยเฉพาะเมื่อสิ่งที่เราทำไม่ได้ผลตามที่เราคาดหวัง

หากจะพูดถึงคำแนะนำสำหรับคนรุ่นใหม่ที่มองหาแนวทางการดำเนินชีวิตในยุคที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและความคาดหวัง การทำสิ่งต่างๆ อย่างเต็มที่แล้วปล่อยวางคือวิธีที่ผมอยากจะนำเสนอ หลักการนี้ดูเหมือนจะตรงกันข้ามกับสิ่งที่สังคมหลายๆ แห่งสอนมา ซึ่งมักจะบอกเราว่าต้องต่อสู้และทำให้ได้ในสิ่งที่หวัง แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป บางครั้ง การปล่อยให้สิ่งต่างๆ เป็นไปตามที่มันจะเป็นนั้น เราจะพบความสุขในสิ่งที่เราทำมากกว่าการยึดติดกับผลลัพธ์ที่คาดหวังไว้

การปล่อยวาง: หลักการจาก Viktor Frankl

หากคุณไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับ Viktor Frankl นักจิตวิทยาชาวออสเตรียและผู้รอดชีวิตจากการถูกจับในค่ายกักกันนาซี เขามีแนวคิดที่สำคัญเกี่ยวกับการปล่อยวางในหนังสือ Man’s Search for Meaning ซึ่งเขาได้พูดถึงการค้นหาความหมายในชีวิตผ่านการเผชิญหน้ากับความทุกข์ยาก แนวคิดนี้คือความเข้าใจว่า ความหมายที่แท้จริงของชีวิตไม่ได้มาแค่จากการค้นหาความสุขหรือการแสวงหาความสำเร็จ แต่คือการที่เราสามารถรับมือกับความทุกข์ยากและหาวิธีเรียนรู้จากมันในแต่ละวัน

Frankl กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญคือการหาความหมายในชีวิต แม้ในช่วงเวลาที่ท้อแท้ที่สุด และการปล่อยวางไม่ใช่การยอมแพ้ แต่เป็นการเข้าใจว่าเราไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตได้ ผลลัพธ์จากการกระทำของเราบางครั้งก็ไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง แต่มันไม่ได้ทำให้ความพยายามของเราหายไป เป้าหมายของชีวิตไม่ได้อยู่ที่การได้สิ่งที่คาดหวัง แต่มันอยู่ที่การเข้าใจสิ่งที่เราทำและเรียนรู้จากการทำ

ปล่อยวางและทำให้เต็มที่: ไม่ยึดติดกับผลลัพธ์

การทำให้เต็มที่แล้วปล่อยวางไม่ใช่แค่การทำอะไรให้ดีที่สุดแล้วไม่คาดหวัง แต่ยังเกี่ยวข้องกับการเข้าใจว่าทุกการกระทำจะมีผลลัพธ์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้และการยอมรับผลลัพธ์เหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เช่นเดียวกับการวาดรูปใหม่ที่ผมทำ ในตอนแรกผมอาจจะคิดว่า "ถ้ารูปนี้ไม่ดี คนจะไม่ชอบหรือไม่ไลค์" แต่เมื่อผมทำให้เต็มที่และปล่อยวางจากความคาดหวังเรื่องผลลัพธ์ ผมกลับพบความสุขในการสร้างสรรค์งานนั้นเองมากกว่าการห่วงผลลัพธ์ที่ได้

Frankl เองก็กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "การที่เราทำสิ่งใดๆ ด้วยความเต็มใจและมุ่งมั่น แต่ปล่อยวางจากการคาดหวังว่าจะได้รับรางวัลหรือการยอมรับจากผู้อื่นนั้น มันคือการหาความหมายในสิ่งที่เราทำ" เมื่อเราไม่คาดหวังหรือยึดติดกับการตอบรับจากผู้อื่น เราก็จะได้พบกับความสุขที่แท้จริงในการทำสิ่งต่างๆ นั้นเอง

คาดหวังไม่เสมอไป: จับจังหวะของชีวิต

เมื่อเราไม่คาดหวังผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบจากทุกๆ สิ่งที่เราทำ เราจะสามารถรับมือกับความผิดหวังได้ดีกว่า และยังทำให้เราเรียนรู้จากสิ่งที่ไม่เป็นไปตามคาดหวังด้วย การคาดหวังว่าทุกๆ ครั้งเราจะได้รับการตอบรับเท่ากันหรือดีกว่าเดิมทุกครั้งมันเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ แต่การที่เราทำให้เต็มที่แล้วปล่อยวางจะช่วยให้เราเข้าใจว่าไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้น ทุกๆ การกระทำที่เราทำควรที่จะได้รับความสนุกและความพึงพอใจในตัวเอง ไม่ว่าจะได้ผลลัพธ์อะไร

สิ่งสำคัญคือการทำทุกสิ่งให้เต็มที่แต่ต้องรู้ว่าอะไรที่สำคัญที่สุดในชีวิต ในตอนนี้มันคือการดูแลสุขภาพให้ดี เพื่อที่เราจะสามารถไปทำสิ่งที่เรารักได้อย่างยาวนาน ในโลกที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันนี้ เราต้องยอมรับว่าเราไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งได้ แต่วิธีที่ดีที่สุดในการอยู่ในโลกนี้คือการปล่อยให้สิ่งต่างๆ เป็นไปตามธรรมชาติของมัน และทำให้เต็มที่ในสิ่งที่เราทำ

สรุป:

ท้ายที่สุด การทำเต็มที่แล้วปล่อยวางไม่ใช่แค่คำแนะนำแต่เป็นวิธีที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้ในทุกด้าน เช่น ความรัก ความสุข หรือความสำเร็จ ทุกสิ่งเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อเราไม่คาดหวังผลลัพธ์ที่คาดหวังจากการกระทำของเรา เพราะความสุขจริงๆ มักจะเกิดขึ้นจากการปล่อยวางและยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม