เราเคยสงสัยกันไหมว่า Anima และ Animus ในแบบของคาร์ล จุง มันเกี่ยวอะไรกับการกลายเป็นตุ๊ด เกย์ ทอม ดี้
เราเคยสงสัยกันไหมว่า Anima และ Animus ในแบบของคาร์ล จุง มันเกี่ยวอะไรกับการกลายเป็นตุ๊ด เกย์ ทอม ดี้ หรืออะไรก็ตามที่ดูจะหลุดกรอบ “เพศสภาพ” แบบเดิมๆ ที่สังคมตั้งไว้ เราว่าหลายคนคงเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง Anima คือจิตไร้สำนึกในแบบผู้หญิงที่อยู่ในตัวผู้ชาย ส่วน Animus คือจิตไร้สำนึกในแบบผู้ชายที่อยู่ในตัวผู้หญิง ฟังดูเหมือนแนวคิดธรรมดาๆ แต่พอเราลองนึกดีๆ มันเหมือนคำตอบที่จุงฝากไว้เพื่อให้เราเข้าใจว่าความเป็นมนุษย์มันลื่นไหลมากแค่ไหน
จุงไม่ได้บอกว่าเราเกิดมาเป็นอะไรก็ต้องเป็นแบบนั้นตลอดไป แต่เขาเสนอว่าภายในตัวเราทุกคนมี “ความเป็นอื่น” ซ่อนอยู่ มันคือการปรับสมดุลในจิตใจ ยิ่งเรายอมรับว่าเรามี Anima หรือ Animus อยู่ในตัวเอง เราก็ยิ่งใกล้ชิดกับความเป็นตัวเองในแบบที่แท้จริงมากขึ้น ไม่ใช่แบบที่สังคมกำหนด
ลองดูหนังเรื่อง The Matrix สิ นีโอที่ดูเหมือนชายหนุ่มธรรมดาๆ กลับเลือกกลืนเม็ดยาสีแดงเพราะอยากค้นพบ “ความจริง” ที่ซ่อนอยู่ มันไม่ต่างจากการยอมรับ Anima หรือ Animus ในตัวเองเลย ถ้านีโอไม่กล้าพอ เขาคงยังติดอยู่ในโลกที่ถูกจัดระเบียบและบอกว่าทุกอย่าง “เป็นแบบนี้แหละ” แต่พอเขายอมรับว่าความจริงมันซับซ้อน เขากลับกลายเป็นตัวเองในแบบที่ทรงพลังที่สุด
และถ้าจะเอาแนวคิดนี้มาดูเรื่องเพศ เราว่าการที่ใครสักคนค้นพบว่าตัวเองเป็นตุ๊ด เกย์ ทอม หรือดี้ มันก็เหมือนกับการยอมรับความซับซ้อนของตัวเอง เหมือนการบอกว่า “ฉันไม่ใช่แค่เพศที่สังคมมองฉัน แต่ฉันคือการผสมผสานของจิตใจหลายมิติที่ฉันเลือกจะเป็น”
ในวงการศิลปะ มีงานของฟริดา คาห์โล ศิลปินหญิงชาวเม็กซิกันที่โด่งดัง เธอมักวาดภาพตัวเองในชุดสูทผู้ชายแต่ก็ไม่เคยปฏิเสธความเป็นผู้หญิงในตัวเอง เธอคือ Anima และ Animus ในร่างเดียวกัน เธอเคยเขียนในไดอารี่ของตัวเองว่า “I am my own muse.” เธอไม่ได้รอให้ใครมากำหนดว่าความเป็นตัวเองควรหน้าตาแบบไหน แต่เธอสร้างมันขึ้นมาจากภายใน
การเป็นตัวเองในแบบที่หลุดกรอบมันไม่ได้ง่ายนะ เราว่าเหมือนวิ่งมาราธอนมากกว่า เหมือนต้องใช้พลังมหาศาลในการเอาชนะตัวเองและเสียงของคนรอบข้างที่บอกว่า “มันผิด” แต่สุดท้ายมันก็เหมือนมาถึงเส้นชัยที่เราไม่ต้องวิ่งหนีอะไรอีกแล้ว
เราว่าไม่ใช่แค่เรื่องเพศนะ แนวคิดนี้มันไปได้ไกลกว่านั้น มันคือการถามตัวเองทุกวันว่า “เราคือใคร” และการไม่กลัวที่จะตอบคำถามนั้นในแบบที่ไม่เหมือนใคร
บางทีจิตวิทยาของจุงอาจไม่ได้ตั้งใจจะตอบคำถามเรื่องเพศตรงๆ แต่กลับเป็นกระจกสะท้อนที่ช่วยให้เราเห็นว่าชีวิตมันไม่ได้มีคำตอบตายตัว และในทุกความซับซ้อนที่เรามีอยู่ อาจเป็นความงามที่เราไม่เคยหยุดมองก็ได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น