เราเคยสงสัยกันไหมว่า การบล็อกใครสักคนมันหมายความว่าเราหมดรักเขาแล้วจริงๆ หรือแค่เป็นการตั้งกำแพงขึ้นเพื่อปกป้องตัวเองจากความเจ็บปวด?

เราเคยสงสัยกันไหมว่า การบล็อกใครสักคนมันหมายความว่าเราหมดรักเขาแล้วจริงๆ หรือแค่เป็นการตั้งกำแพงขึ้นเพื่อปกป้องตัวเองจากความเจ็บปวด? เราว่าการบล็อกนี่มันเหมือนกับการปิดหน้าต่างในคืนพายุฝนโหมกระหน่ำ บางทีเราปิดหน้าต่างเพราะลมมันแรงจนพัดทุกอย่างในห้องกระจัดกระจาย แต่ไม่ได้แปลว่าเราไม่ชอบลมเลยสักนิด

ใน Eternal Sunshine of the Spotless Mind หนังที่พูดถึงการลบความทรงจำเพื่อหนีความเจ็บปวด เราเห็นตัวละครลบสิ่งที่เคยรักอย่างหมดจด แต่พอสิ่งนั้นหายไป เขากลับรู้สึกถึงช่องว่างบางอย่างที่ไม่มีอะไรมาเติมเต็มได้ มันบอกอะไรบางอย่างเกี่ยวกับมนุษย์นะ—เราไม่ได้อยากลืม แต่อยากจัดการความทรงจำให้ไม่เจ็บปวดมากเกินไป การบล็อกก็อาจเป็นเวอร์ชันสมัยใหม่ของการ "ลบ" ในรูปแบบดิจิทัลนั่นเอง

แล้วถ้าหันมามองจากมุมปรัชญา Nietzsche เคยพูดถึงแนวคิด “eternal recurrence” หรือการวนซ้ำชั่วนิรันดร์ ลองคิดดูว่าถ้าเราต้องใช้ชีวิตเดิมซ้ำๆ ทุกการบล็อก ทุกการลบ ทุกคำพูดที่เราเคยเอ่ยออกไป จะวนกลับมาหาเราเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง ทุกครั้งที่บล็อกใคร มันจะเหมือนเดจาวูในชีวิตอนันต์ ถ้าคิดแบบนี้เรายังกล้าบล็อกใครไหม หรือจะเริ่มคิดว่าเราต้องเลือกสิ่งที่จะทำอย่างรอบคอบมากขึ้น?

ในแง่ของกีฬา เรานึกถึงเทนนิส เวลา Roger Federer เสิร์ฟลูก มันเร็วและแรงจนอีกฝั่งรับแทบไม่ได้ แต่ทุกครั้งที่เขาทำแต้มได้ เขาไม่ได้บล็อกคู่แข่งออกไปจากเกม เขาเพียงแค่โฟกัสที่การเล่นของตัวเอง หลายครั้งเราบล็อกคนอื่นเพราะเราอยากเป็น "เฟเดอเรอร์" ของชีวิตตัวเอง เราแค่ไม่อยากให้การโต้กลับของอีกฝั่งมากวนจังหวะการเล่นของเรา

แล้วถ้าลองย้ายมุมมองไปที่ศิลปะ Vincent van Gogh เคยเขียนจดหมายถึงน้องชายว่า “I put my heart and soul into my work, and I have lost my mind in the process.” เราว่าการบล็อกคนอาจคล้ายกับการวาดรูปของเขา—การสร้างระยะห่างเพื่อให้เรามีพื้นที่ใส่หัวใจลงในสิ่งที่สำคัญจริงๆ คนบอกว่าความสัมพันธ์ที่เจ็บปวดก็เหมือนภาพวาดที่ดูไม่สมบูรณ์ แต่ในความไม่สมบูรณ์นั้น มันมีความจริงที่งดงามที่เรายังเรียนรู้ได้เสมอ

ถ้าเราจะบล็อกใครสักคนจริงๆ เราควรถามตัวเองว่าเราบล็อกเขาเพราะเราไม่อยากเจ็บ หรือเพราะเราพยายามจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับสิ่งที่เราเองยังไม่เข้าใจ ถ้าการบล็อกเป็นการป้องกันตัวเองก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามันคือการหนีปัญหา เราก็แค่กำลังซ่อนตัวจากบางสิ่งที่วันหนึ่งจะกลับมาหาเราอยู่ดี

ท้ายที่สุด การบล็อกไม่ใช่การหยุดรักเสมอไป บางทีมันคือการบอกว่าเราแค่ต้องการเวลาเพื่อรักตัวเองมากขึ้น และอาจเป็นการทำให้เรากลับไปเจอความสัมพันธ์นั้นในรูปแบบที่ดีขึ้นในวันหนึ่งก็ได้


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม