"ความสวย" จริงๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่ ทำไมเราถึงต้องผอม ต้องขาว ต้องไม่มีขน

เราเคยสงสัยกันไหมว่า "ความสวย" จริงๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่ ทำไมเราถึงต้องผอม ต้องขาว ต้องไม่มีขน ถึงจะได้ชื่อว่า "สวย"? ความคิดพวกนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มันเหมือนเป็นกระบวนการผลิตซ้ำทางสังคมที่ใครสักคนเริ่มต้น แล้วเราก็รับมาแบบไม่รู้ตัว เหมือนกับเวลาเปิด Netflix แล้วโดน autoplay ของซีรีส์เรื่องใหม่ดูดวิญญาณไป ทั้งๆ ที่เรายังไม่ได้เลือกอะไรเลย

ในหนังเรื่อง The Devil Wears Prada มีฉากหนึ่งที่ Miranda Priestly พูดถึงชุดสีฟ้าเซรูเลียนที่แอนดี้ (นางเอก) ใส่มาแบบดูถูกว่า "ก็แค่เสื้อ" แต่ Miranda บอกว่าเจ้าเสื้อสีนี้ มันไม่ได้มาเองแบบสุ่มๆ มันผ่านการคัดเลือกจากดีไซเนอร์ชั้นนำ สู่อุตสาหกรรมแฟชั่น แล้วก็เข้าสู่ห้างร้าน ก่อนจะถึงมือแอนดี้ที่คิดว่ามันเป็นเพียง "เสื้อธรรมดา" นั่นแหละคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับความสวยในแบบที่เรารู้จัก มันไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัว แต่เป็น "ผลิตภัณฑ์" ของอุตสาหกรรมความงาม

ลองย้อนกลับไปคิดถึงยุคเรอเนซองส์ที่ผู้หญิงที่มีรูปร่างอวบอิ่มคือมาตรฐานความงาม องค์หญิงในภาพวาดของบอตติเชลลี (The Birth of Venus) ก็ดูไม่ได้ขาวผ่องไร้ที่ติ แถมมีทรงผมที่ดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย แต่ในสายตาของคนยุคนั้น นี่คือ "เทพธิดา" เพราะพวกเขามองว่าความอุดมสมบูรณ์ของร่างกายคือสัญลักษณ์ของสุขภาพและความมั่งคั่ง แล้วทำไมมาตรฐานถึงเปลี่ยน? คำตอบง่ายๆ คือมันเปลี่ยนเพราะ "คนอยากขายของ" ไม่ว่าจะเป็นครีมลดน้ำหนัก เครื่องสำอาง หรือมีดโกนหนวด

พูดถึงขน เรารู้ไหมว่าจริงๆ แล้วโฆษณามีดโกนหนวดสำหรับผู้หญิงเพิ่งเริ่มต้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ก่อนหน้านั้นไม่มีใครสนใจเรื่องขนขา ขนแขนเลย เพราะมันไม่ใช่ "ปัญหา" จนกระทั่งมีคนบอกเราว่า "คุณต้องกำจัดมันนะ ถึงจะดูสะอาดและงดงาม" มันคือการสร้างความไม่มั่นใจ เพื่อให้เราต้องการผลิตภัณฑ์บางอย่าง แล้วมันก็เวิร์กซะด้วยสิ

บางคนอาจแย้งว่า “แต่การดูแลตัวเองมันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ?” แน่นอนว่าดี แต่คำถามคือ เรากำลังดูแลตัวเองเพราะอยากทำเพื่อตัวเองจริงๆ หรือเพราะเราถูกบังคับให้คิดว่าถ้าเราไม่ดูแลตัวเองในแบบที่ "เขา" บอก เราจะไม่คู่ควรกับความรัก ความยอมรับ หรือความสำเร็จ?

ถ้าทุกคนได้ดูหนังเรื่อง I Feel Pretty จะเห็นตัวละครหลักที่วันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุจนเชื่อว่าตัวเองกลายเป็นคนสวยขึ้นมา ทั้งๆ ที่รูปร่างหน้าตาของเธอไม่ได้เปลี่ยนเลย สิ่งที่เปลี่ยนคือ "ทัศนคติ" ของเธอที่มีต่อตัวเอง เธอเริ่มเดินอย่างมั่นใจ พูดจาด้วยพลัง และทำสิ่งที่เธอไม่เคยกล้าทำมาก่อน แล้วมันก็ทำให้ชีวิตของเธอดีขึ้นมากมาย นี่แสดงให้เห็นว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดอาจไม่ใช่รูปลักษณ์ภายนอกเลย แต่คือวิธีที่เรามองตัวเอง

ความสวยไม่ควรจะเป็นกรอบที่จำกัดเรา หรืออะไรที่เราต้องวิ่งไล่ตาม เราไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นเพียง "ภาพ" ที่ถูกประเมินจากคนอื่น เราเกิดมาเพื่อมีความสุขในแบบของเราเอง และความสุขนั้น มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราผอม ขาว หรือไร้ขนหรือเปล่า

ดังนั้น ครั้งหน้าเวลามองกระจก อย่ามองหา "ข้อบกพร่อง" แต่ให้มองเห็นว่าเราคือ "งานศิลปะ" ที่ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร บางทีเราทุกคนอาจเป็นเหมือนจิตรกรรมของแจ็คสัน พอลล็อคที่ดูยุ่งเหยิงแต่มีเสน่ห์ในแบบของมันเอง และจำไว้ว่า ไม่มีใครในโลกนี้มีสิทธิ์บอกว่าเราควรหรือไม่ควรเป็นแบบไหน... นอกจากตัวเราเอง


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม