ปีหน้า… เราสัญญากับตัวเอง
ปีหน้า… เราสัญญากับตัวเอง
ทุกคนเคยไหม... รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระ รู้สึกว่าไม่ว่าเราจะทำอะไร มันก็ไม่เคยดีพอสำหรับใครเลย? เคยไหมที่เรากลัวว่าเราจะทำลายสิ่งดีๆ ที่มีในชีวิตไปเพียงเพราะความผิดพลาดของเราเอง? เราเคย… และมันเจ็บลึกจนยากจะทนต่อไป
ในทุกๆ วัน ความรู้สึกเหล่านี้มันเหมือนก้อนหินที่ทับถมเราเข้าไปทีละน้อย มันบดขยี้จิตใจจนไม่เหลือที่ให้เราได้หายใจ มันเหมือนกับการเดินในที่มืด เราไม่รู้ว่าต้องไปทางไหน แต่เราก็ยังต้องฝืนเดินต่อไป ความหวาดกลัวที่ว่า "เราทำพลาดไปแล้ว" มันเกาะกินอยู่ทุกวินาที ราวกับมันเป็นเงาที่ขับไล่ความหวังออกไปจากตัวเราอย่างช้าๆ
เราไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบ ไม่ใช่คนที่ดีที่สุด บางครั้งเราก็หลบหนีจากปัญหา หลบหนีจากความเจ็บปวดที่มันกัดกินทั้งร่างกายและจิตใจ เรามักจะบอกตัวเองว่า "เดี๋ยวมันจะดีขึ้น" แต่กลับพบว่าเรากำลังหลงอยู่ในความมืดนั้นมากขึ้นทุกวัน จนไม่รู้ว่าความเจ็บปวดนี้จะหยุดเมื่อไหร่
ในทุกๆ ก้าวที่เราก้าวไป มันเหมือนเรากำลังแบกโลกทั้งใบไว้บนหลัง มันหนักจนแทบจะหายใจไม่ออก ความผิดพลาดที่ผ่านมา ยิ่งเราหนีมันมากเท่าไร มันยิ่งตามหลอกหลอนเรา มากเท่านั้น พยายามฝืนยิ้มให้กับโลกภายนอก แต่ข้างในเรา... มันไม่เหลืออะไรเลย ความหวังร่อยหรอลงทุกวัน
แต่ในทุกความมืดมิดนั้น… เรารู้ดีว่า ความเจ็บปวดจะไม่ไปไหน มันจะตามหลอกหลอนเราเหมือนเงาเสมอ เราอาจไม่สามารถหนีมันได้ตลอดไป แต่มันมีสิ่งหนึ่งที่เราสามารถทำได้: เราจะเผชิญหน้ากับมัน
ปีหน้า… เราขอสัญญากับตัวเองว่า เราจะไม่หนีอีกแล้ว เราจะเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดนี้อย่างกล้าหาญ แม้โรคเรื้อรังที่เราอยู่กับมันอาจไม่มีวันหาย แต่มันจะดีขึ้น เราจะรับมือกับมันอย่างมั่นคง เราจะไม่ปล่อยให้ความเครียดและความผิดพลาดที่ผ่านมา มาทำลายหัวใจของเราอีก เราจะลุกขึ้นจากความเหนื่อยล้าที่ทับถมไว้บนร่างกายและจิตใจทุกวัน
เราเชื่อว่า... ชีวิตนี้ไม่ได้วัดจากความสมบูรณ์แบบ แต่เป็นการที่เรายังคงยืนหยัดในทุกครั้งที่ล้ม แม้ความเจ็บปวดจะท่วมท้นหัวใจ และแม้ในวันที่เราแทบจะไม่เหลือแรง แต่เรายังมีค่าพอที่จะรักตัวเองในทุกความผิดพลาดที่เราผ่านมา
ในปีหน้า... เราขอสัญญากับตัวเองว่าเราจะไม่ยอมแพ้ เราจะขอบคุณตัวเองในทุกๆ ความพยายามที่เราทำไป ถึงแม้จะไม่เคยเห็นผลในทันที เราจะมองไปข้างหน้าด้วยความหวังที่อ่อนล้า แต่ยังคงมุ่งมั่น เราจะรักตัวเองในวันที่เรารู้สึกว่ายังไม่สมบูรณ์เกินใคร
และในวันหนึ่ง… ในวันที่เราเจ็บจนแทบไม่เหลืออะไรเลย วันที่เรามีแต่ความเหนื่อยล้าจนไม่อยากจะลุกขึ้นใหม่ เราจะสามารถบอกตัวเองได้อย่างเต็มปากว่า "เราภูมิใจในตัวเอง" เพราะในที่สุดแล้ว... เราได้ผ่านมันมาได้ แม้ต้องแบกลูกตุ้มหินที่หนักเกิน 15 ปี แต่เราก็ยังคงเดินไปข้างหน้า แม้บางครั้งมันจะช้าและล้มลงบ้าง
เราภูมิใจในตัวเองเพราะเรายังยืนอยู่ที่นี่ ถึงแม้ร่างกายจะอ่อนแอและจิตใจเต็มไปด้วยรอยแผล แต่เราไม่เคยยอมแพ้ เราสู้จนถึงที่สุด และเราจะสู้ต่อไป เพราะเราคือคนที่ไม่เคยยอมแพ้แม้ในวันที่ชีวิตมันมืดมิดจนไม่เหลือทางไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น