เราเคยสงสัยกันไหมว่า ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสนิทถึงจุดที่บล็อกกันไป มันเกิดขึ้นเพราะความเกลียดที่สะสมไว้จนล้น หรือเพราะความรักที่ล้นจนทนไม่ได้แล้วมากกว่า
เราเคยสงสัยกันไหมว่า ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสนิทถึงจุดที่บล็อกกันไป มันเกิดขึ้นเพราะความเกลียดที่สะสมไว้จนล้น หรือเพราะความรักที่ล้นจนทนไม่ได้แล้วมากกว่า
ในแวบแรก ทุกคนอาจจะคิดว่า “เอ้า มันก็ต้องความเกลียดสิ” แต่เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งตัดสิน เราลองมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ของมนุษย์กันดีไหม ตั้งแต่กรีกโบราณใน Symposium ของเพลโต ที่พูดถึง Eros ความรักในหลายมิติ เราจะเห็นว่าความรักกับความเกลียดมันเป็นคู่ที่เหมือนจะขัดแย้งกัน แต่จริงๆ มันใกล้ชิดกันอย่างน่าประหลาด เหมือนเหรียญสองด้านที่พลิกไปมาได้ตลอดเวลา
ถ้าพูดถึงความเกลียดแบบ pure hatred อันนั้นมันตรงไปตรงมา เหมือนในหนัง Mean Girls ที่เรารู้เลยว่าใครเป็นศัตรู แต่นี่เรากำลังพูดถึงเพื่อนสนิท เพื่อนที่เคยแชร์ชีวิต ความลับ และมาม่าหม้อเดียวกันตอนสิ้นเดือน ถ้าเพื่อนคนนั้นบล็อกเรา นั่นหมายความว่าความสัมพันธ์มันต้องมีน้ำหนักอะไรบางอย่างที่มากพอจะทำให้ถึงขั้นตัดขาด การบล็อกไม่ใช่แค่การ “ไม่อยากเห็นหน้า” แต่มันคือการ “ไม่อยากให้มีตัวตนอยู่ในพื้นที่ของเราอีกต่อไป” ซึ่งนั่นฟังดูเหมือนความรักที่ผิดหวังมากกว่าความเกลียดไหม
ในมุมนี้ เราอยากโยงถึง Blue Valentine หนังที่เล่าเรื่องความสัมพันธ์ที่พังลง แต่ถ้าเราดูดีๆ มันไม่ใช่เพราะคนสองคนไม่รักกัน แต่เป็นเพราะพวกเขารักกันมากจนไม่มีที่ว่างเหลือให้ความรักเจริญเติบโตอีกต่อไป ความรักที่มากเกินไป บางทีก็เหมือนน้ำที่รดต้นไม้จนรากมันเน่า มันฟังดูขัดแย้งนะ แต่ถ้าความรักไม่ถูกจัดการให้สมดุล มันอาจเปลี่ยนเป็นความขมขื่นที่ทำร้ายทั้งสองฝ่าย
เราอยากให้ทุกคนคิดถึงงานของกุสตาฟ คลิมท์อีกครั้ง The Kiss ที่เป็นเหมือนภาพแทนความรักที่สมบูรณ์แบบ แต่ถ้าใครเคยอ่านชีวประวัติของเขา จะรู้ว่าคลิมท์เองก็ไม่ได้มีความรักที่ราบรื่น ภาพที่ดูสงบสุขนั้นจริงๆ อาจซ่อนความรุนแรงไว้ในกอดที่แน่นจนแทบจะทำให้หายใจไม่ออก นี่อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมเพื่อนสนิทถึงบล็อกกัน เพราะบางครั้งการอยู่ใกล้คนที่เรารักมากๆ มันก็อาจจะเจ็บปวดเกินไป
ในทางกลับกัน มันก็มีอีกเหตุผลที่ต้องพูดถึง คือความเกลียดที่เกิดจากความรักที่ไม่สมหวัง บางครั้งเพื่อนสนิทอาจแอบรักเรา หรือเรารักเขา แต่ความสัมพันธ์มันติดอยู่ในโซนที่ไม่สามารถขยับไปไหนได้ เหมือนติดอยู่ใน No Exit ของซาร์ต ซึ่งพูดถึงสถานการณ์ที่ตัวละครต้องอยู่ร่วมกันในห้องแคบๆ ตลอดไป จนความรักที่เคยมีมันกลายเป็นความขมขื่นเพราะหนีไปไหนไม่ได้
แล้วทุกคนคิดว่าความเกลียดหรือความรักแบบไหนเจ็บปวดมากกว่ากัน เราคิดว่ามันอยู่ที่มุมมอง ถ้าคุณเคยดู Her ของสไปค์ จอนซ์ มันจะมีช่วงที่ธีโอดอร์รู้สึกโดดเดี่ยวหลังจากซาแมนธาหายไป ความเจ็บปวดนั้นมันไม่ได้เกิดจากการสูญเสีย แต่เกิดจากการที่เขาไม่สามารถอยู่โดยไม่มีเธอได้ มันเป็นความรักที่กลายพันธุ์ไปเป็นความเศร้า ความว่างเปล่า และในบางกรณี ความโกรธที่ต้องบล็อกอีกฝ่ายเพื่อปกป้องตัวเอง
ท้ายที่สุด เราว่าความสัมพันธ์มันเหมือนการเดินเขาวงกต บางครั้งเราก็หาทางออกได้ บางครั้งก็วิ่งชนกำแพงจนเจ็บหัว ถ้าเพื่อนสนิทบล็อกเรา ไม่ว่าจะเพราะความเกลียดหรือความรัก สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดอาจไม่ใช่การหาคำตอบ แต่เป็นการยอมรับว่าเขาวงกตนั้นมันมีอยู่จริง และบางครั้ง ทางออกที่แท้จริงอาจจะไม่ได้อยู่ที่การเข้าไปข้างใน แต่เป็นการปีนขึ้นไปดูจากมุมสูงแล้วปล่อยให้มันเป็นเพียงความทรงจำที่งดงาม (หรือเจ็บปวด) ในชีวิต
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น