เราเคยสงสัยกันไหมว่า คนเราสามารถก้าวข้ามความท้าทายของชีวิตในรูปแบบที่ดูเหมือนจะเป็น "ข้อจำกัด" อย่างไร?

เราเคยสงสัยกันไหมว่า คนเราสามารถก้าวข้ามความท้าทายของชีวิตในรูปแบบที่ดูเหมือนจะเป็น "ข้อจำกัด" อย่างไร? 

ถ้าพูดถึงเรื่องการเป็นไบโพล่า one ที่ไม่มีขั้วซึมเศร้าแบบไบโพล่าปกติทำให้สามารถเข้าโรงพยาบาลได้ง่ายมากไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ sensitive บางอย่างเกิดขึ้นในชีวิตก็สามารถป่วยเข้าโรงพยาบาลได้แล้ว

หลายๆคนกลับบอกว่าเรื่องนี้กลับกลายเป็นข้อพิเศษของเราเพราะแทนที่เราจะทำเหมือนคนปกติก็ดูพิเศษแล้วเพราะว่าเราป่วยสิ่งที่คนปกติทั่วไปทำได้ถ้าเราทำได้ก็ถือว่าพิเศษแล้วแต่เรากลับทำได้มากกว่าคนปกติซะอีก

แล้วต้องเข้าโรงพยาบาลถึง 8 ครั้ง แต่ยังสร้างผลงานออกมาได้มากมายอย่างไม่น่าเชื่อ ผลงานได้รางวัล ทำอะไรก็ดูสำเร็จ ทุกคนอาจคิดว่า "เป็นไปได้ยังไง?" เราเองก็เคยตั้งคำถามนี้เหมือนกัน และก็พบว่ามันไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่เป็นเพราะการตัดสินใจเล็กๆ ที่ดูธรรมดาในแต่ละวันกลับกลายเป็นพื้นฐานของการใช้ชีวิตในแบบที่เราต้องการ

ลองนึกถึงตัวละครใน "The Shawshank Redemption" สิ ทุกคนจำแอนดี้ได้ใช่ไหม? ชายที่ใช้เวลาในเรือนจำยาวนานหลายสิบปี แต่นั่นไม่ใช่จุดสำคัญ เพราะสิ่งที่เขาทำคือการใช้ชีวิตในเรือนจำราวกับว่ามันไม่สามารถจำกัดจิตวิญญาณของเขาได้ แอนดี้สร้างห้องสมุด สอนความรู้ และแม้กระทั่งวางแผนอนาคตไว้ด้วยความหวัง เราไม่ได้เปรียบว่าชีวิตเราเหมือนติดคุกหรอก แต่ในช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับไบโพล่า มันเหมือนเราถูกท้าทายให้ค้นหาความหวังในที่ที่มืดมนเหมือนกัน

เราตัดสินใจตั้งแต่แรกแล้วว่า "โรค" จะไม่ใช่ป้ายที่แปะไว้บนหน้าอกเพื่อขอข้อยกเว้นจากชีวิต แทนที่เราจะใช้มันเป็นข้ออ้าง เราตั้งใจจะทำให้มันเป็นเหตุผล 

การไม่เรียกร้องสิทธิพิเศษใดๆ กลับกลายเป็นแรงผลักดันให้เราสร้างสิ่งที่ดีที่สุดจากสภาวะนั้น เราชอบนึกถึงคำพูดของนิกซ์ วูจิซิค ชายที่เกิดมาไม่มีแขนขา แต่กลายเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจระดับโลก เขาพูดว่า “The challenges in our lives are there to strengthen our convictions. They are not there to run us over.” ทุกคนเคยสังเกตไหมว่า อุปสรรคไม่ใช่เรื่องที่ต้องเลี่ยง แต่อาจเป็นเหมือนห้องเรียนลับๆ ที่ชีวิตพยายามจะสอนอะไรบางอย่าง

บางคนถามว่าทำยังไงถึงสร้างผลงานออกมาได้เยอะในระหว่างการรักษา คำตอบมันง่ายแค่เริ่มจากการตื่นขึ้นมา แล้วถามตัวเองว่า "วันนี้เราสามารถทำอะไรได้บ้าง?" 

ไม่ต้องคิดภาพใหญ่มาก มันเหมือนกับการวิ่งมาราธอน คุณไม่ได้มองเส้นชัยทุกวินาที คุณมองแค่ก้าวต่อไปเท่านั้น ไม่น่าแปลกใจที่หนังสือวิ่งอย่าง "Born to Run" จะยกคำกล่าวจากชนเผ่าทาระฮูมาราในเม็กซิโกไว้ว่า “เมื่อคุณวิ่ง คุณไม่ได้หนีปัญหา แต่คุณกำลังเผชิญหน้ามัน.”

ที่น่าสนใจคือการที่เราเลือกจะมองความ "ผิดปกติ" เหล่านั้นในแง่มุมของความ "แตกต่าง" มันเปลี่ยนมุมมองทุกอย่างได้ เวลาใครพูดว่าไบโพล่าเป็นข้อจำกัด เราอยากเล่าให้เขาฟังว่า ครั้งหนึ่งในขณะที่มีอารมณ์พลุ่งพล่านจากขั้วพลังงานสูง เรานั่งเขียนไอเดียโปรเจกต์จนเต็มกระดาษ 10 แผ่นหรือไม่ก็นั่งทำงานซะจนหมดแรง อะไรบางอย่างที่สังคมมองว่าเป็น "ปัญหา" กลับกลายเป็นทรัพย์สินที่ล้ำค่า

งานศิลปะที่เราโปรดปรานมากที่สุดคืองานของวินเซนต์ แวนโก๊ะ เขาวาดภาพมากกว่า 2,000 ชิ้นในช่วงชีวิตสั้นๆ ของเขา แม้ว่าจะต้องต่อสู้กับภาวะจิตใจที่ซับซ้อนตลอดเวลา The Starry Night เกิดขึ้นในช่วงที่เขาเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจิตเวชที่แซ็งเรมี เราไม่อยากบอกให้ทุกคน "โรแมนติก" กับความทุกข์ แต่เชื่อไหมว่ามันคือดินชั้นดีสำหรับสร้างบางสิ่งที่งดงามเสมอ ถ้าเรายอมรับว่ามันคือส่วนหนึ่งของเรา

ถ้าเลือกระหว่างชีวิตธรรมดาที่ไม่เป็นไบโพล่ากับเป็นเราอาจจะเลือกเป็นเหมือนเดิมเพราะว่าเรารู้สึกว่าการเป็นแบบนี้ทำให้เราสามารถมีชีวิตแบบทุกวันนี้ที่เราก็รู้สึกว่าแม้จะเศร้าบ้างเจ็บบ้างมีความสุขบ้างแต่ก็รู้สึกถึงความเป็นมนุษย์ได้อย่างชัดเจนและรู้สึกคุ้มค่าที่เกิดมาแล้ว

ดังนั้นทุกครั้งที่เรารู้สึกว่าทุกอย่างอาจพังลง เราบอกตัวเองเสมอว่า "นี่ไม่ใช่จุดจบ นี่คือช่องว่างระหว่างประโยคเท่านั้น" และทุกคนล่ะ เห็นว่า "ช่องว่าง" นี้มีความหมายอะไรบ้าง?

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม