บล็อกมันไม่ใช่แค่การ “กดปุ่ม” แต่มันเหมือนการทิ้งระเบิดลูกใหญ่ลงในความสัมพันธ์ที่ทุกคนในเรื่องต้องรับมือ
เราเคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมการบล็อกใครสักคนในโลกโซเชียลถึงดูเหมือนเป็น “เกมจิตวิทยา” ที่ซับซ้อนกว่าเกมหมากรุก? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกิดขึ้นระหว่างเพื่อนสนิท หรือคนที่เรามีความรู้สึกบางอย่างด้วย การบล็อกมันไม่ใช่แค่การ “กดปุ่ม” แต่มันเหมือนการทิ้งระเบิดลูกใหญ่ลงในความสัมพันธ์ที่ทุกคนในเรื่องต้องรับมือ
มีใครเคยคิดไหมว่าการบล็อกจะทำให้คนที่ถูกบล็อกสนใจเรามากขึ้นจริงหรือเปล่า? มันอาจฟังดูเหมือนเป็นสูตรสำเร็จในละครน้ำเน่าไทยที่พระเอกหายตัวไปแล้วนางเอกต้องเริ่มคิดถึงเขา แต่ในความจริงมันซับซ้อนกว่านั้นเยอะ ถ้าดึงงานวิจัยด้านจิตวิทยามาอธิบาย สมองของมนุษย์เรามีแนวโน้มจะสนใจสิ่งที่ “ขาดหาย” มากกว่าสิ่งที่มีอยู่ นี่คือแนวคิดที่เรียกว่า Loss Aversion ที่ดาเนียล คาห์เนแมน เจ้าของรางวัลโนเบลอธิบายไว้ การบล็อกทำให้คนรู้สึกเหมือนสูญเสียการควบคุมความสัมพันธ์และนำไปสู่ความอยากรู้อยากเห็นที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
แต่เดี๋ยวก่อน ทุกคนเคยดูหนังเรื่อง The Great Gatsby ไหม? การที่เกตส์บี้สร้างบ้านหลังใหญ่โต ฝั่งตรงข้ามบ้านของเดซี่ แล้วจุดไฟทุกคืนเพื่อให้เดซี่เห็น มันก็ไม่ต่างอะไรจากการบล็อกแล้วแอบส่องอีกฝ่ายกลับหรอก เกตส์บี้ไม่ได้อยากแค่ให้เดซี่รู้ว่าเขาอยู่ตรงนั้น เขาอยากให้เดซี่ “สนใจ” การบล็อกก็อาจเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้คนที่ถูกบล็อกเริ่มถามตัวเองว่า “ทำไมเขาถึงทำแบบนี้?” แต่ความเสี่ยงคือ ถ้าคนที่ถูกบล็อกไม่สนใจเลย เราอาจกลายเป็นแค่คนแปลกหน้าที่หลุดหายไปจากชีวิตของเขา
และถ้าพูดถึงมุมมองของคนที่ถูกบล็อก ทุกคนเคยสังเกตไหมว่าเรามักอยากรู้เรื่องของคนที่ “เราเข้าไม่ถึง” มากกว่าคนที่อยู่ใกล้ๆ? มันเหมือนกับการอ่านหนังสือที่หน้าสำคัญขาดหายไป นี่อาจอธิบายว่าทำไมบางคนถึงแอบส่องโซเชียลของคนที่บล็อกตัวเองกลับไปอีกครั้ง บางทีเราไม่ได้อยากรู้อะไรมากนัก แต่สมองเราเกลียดความ “ไม่รู้” และ “คาดเดาไม่ได้” เหมือนดูซีรีส์ที่ค้างตอนจบ
ถ้าลองย้อนดูงานศิลปะ เรานึกถึงภาพวาด Nighthawks ของเอ็ดเวิร์ด ฮ็อปเปอร์ มันคือภาพที่คนกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่ในร้านอาหารกลางคืน โดยไม่มีใครพูดคุยกัน ความเงียบและความห่างเหินในภาพนั้นเหมือนความสัมพันธ์ที่ถูกบล็อก ทั้งสองฝ่ายอาจนั่งอยู่ในห้องเดียวกัน แต่มองไม่เห็นกันและกัน ความรู้สึกแบบนี้มันเหงาอย่างประหลาด และบางครั้งคนที่บล็อกก็อาจแค่ต้องการดึงความสนใจกลับมาโดยไม่รู้ตัว
แล้วถ้าถามว่าการบล็อกจะทำให้คนสนใจเรามากขึ้นจริงไหม? คำตอบของเราอาจขึ้นอยู่กับความสำคัญของเราต่อชีวิตเขา ถ้าเราคือคนสำคัญ การบล็อกอาจสร้างแรงกระเพื่อมในความสัมพันธ์ได้ แต่ถ้าเราเป็นแค่ “คนทั่วไป” ในชีวิตเขา การบล็อกอาจไม่ต่างอะไรจากการหายไปในทะเลทราย
แต่ทั้งหมดนี้มีคำถามที่ใหญ่กว่าเดิมซ่อนอยู่: เราบล็อกเขาเพราะต้องการให้เขาสนใจ หรือเราบล็อกเขาเพราะเราต้องการ “ปกป้อง” ตัวเองจากความเจ็บปวด? ถ้าคำตอบคืออย่างหลัง การบล็อกอาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราก็ได้ เพราะสุดท้ายแล้ว ความสัมพันธ์ที่แท้จริงไม่ควรต้องพึ่งการทดสอบจิตวิทยาแบบนี้เลย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น