Work-Life Balance หรือ Work-ไร้ Balance

Work-Life Balance หรือ Work-ไร้ Balance จะเลือกฝันหวานหรือเดินลุยในความจริง?

เราเคยถามตัวเองไหม ว่าโลกนี้จะมีสิ่งที่เรียกว่า "สมดุลชีวิตและการทำงาน" อยู่จริงหรือเปล่า? คำว่า work-life balance มันฟังดูดีเหมือนภาพโปสเตอร์โฆษณาโยคะกลางหุบเขา หรือคำคมที่ติดไว้ในห้องประชุมสำนักงานใหญ่บริษัทเทคโนโลยี แต่เมื่อเราหยิบเอาคำนี้มาใช้ในชีวิตจริง มันกลับกลายเป็นเหมือนหลอกตัวเองไปวันๆ เพราะสุดท้ายความสมดุลที่เราพยายามไล่ตามมันอาจจะไม่มีอยู่จริงตั้งแต่ต้น

ทำไมถึงไม่มีอยู่จริง?

ทุกคนเคยดูหนัง The Pursuit of Happyness ไหม? หนังที่วิล สมิธเล่นเป็นคริส การ์ดเนอร์ ชายผู้ต้องวิ่งขายเครื่องมือแพทย์กลางแดดร้อนเพื่อหาเงินซื้อข้าวให้ลูกชายกิน ทั้งที่เขาเป็นคนฉลาดและมีความฝันอันใหญ่หลวง ถามจริง คริส การ์ดเนอร์ตอนนั้นจะมีเวลามานั่งคิดเรื่องสมดุลชีวิตไหม? ไม่มีหรอก! เขาเลือกทุ่มเททั้งหมดในสิ่งที่สำคัญกับเขา ณ เวลานั้น คือการหาเงินมาเลี้ยงลูก

แล้วหันมามองชีวิตเราบ้าง เราอาจไม่ได้ลำบากขนาดนั้น แต่ในวันที่ต้องเลือกระหว่างงานที่ด่วนที่สุดในโลก กับการนอนพักผ่อนเพื่อสุขภาพจิตที่ดี หลายคนมักจะเลือกงาน เพราะกลัวเสียโอกาส เราคิดว่าเรากำลังบริหาร "สมดุล" แต่จริงๆ แล้ว เรากำลังทำให้ตัวเองวนอยู่ในวังวนของการวิ่งไล่ความสำเร็จที่ไม่มีวันจบ



แต่ถ้าไม่มีสมดุล แล้วเราจะอยู่ยังไง?

คำตอบคือ เราอาจไม่ต้องการสมดุลตั้งแต่แรก งานของเรากับชีวิตของเรา มันไม่ได้ต้องเท่ากันเหมือนน้ำสองแก้ว เราแค่ต้องรู้ว่า ณ ช่วงเวลานั้น อะไรที่สำคัญกว่า และเราพร้อมจะให้เวลากับมันแค่ไหน

นักปรัชญาอย่าง Nietzsche เคยพูดว่า “He who has a why to live can bear almost any how.” หรือคนที่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงมีชีวิตอยู่ จะทนกับความลำบากยังไงก็ได้ ถ้างานคือสิ่งที่เติมเต็มชีวิตเรา เราอาจจะยอมให้มันกลืนกินเวลาของเราบ้างโดยไม่ต้องรู้สึกผิด แต่ถ้าความสุขของเราคือการได้ดูซีรีส์บน Netflix หรือไปเตะบอลกับเพื่อน เราก็มีสิทธิ์เลือกสิ่งนั้นโดยไม่ต้องแคร์ว่าเราจะ "productive" มากแค่ไหนในสายตาคนอื่น

กีฬา งานศิลปะ และสมดุลที่ไม่มีวันสมดุล

ลองมองไปที่นักกีฬาอาชีพอย่าง Kobe Bryant เขาฝึกซ้อมวันละหลายชั่วโมงในโรงยิม ในขณะที่คนอื่นออกไปเที่ยวกับเพื่อนหรือพักผ่อน การเล่นบาสคือชีวิตของเขา มันไม่ใช่แค่ "งาน" แต่คือการแสดงออกถึงตัวตน หรือศิลปินระดับโลกอย่าง Vincent van Gogh ที่ใช้ชีวิตวาดภาพในความโดดเดี่ยวและความยากจน เขาไม่ได้มีสมดุลชีวิตแบบที่เราอยากได้ แต่สิ่งที่เขาทำให้โลกนี้ยิ่งใหญ่เกินกว่าคำว่า work-life balance จะนิยาม

สุดท้ายแล้ว เราแค่ต้องหาสิ่งที่ใช่สำหรับตัวเอง

คำว่า work-life balance หรือ work-life "ไร้ balance" มันไม่ใช่สูตรสำเร็จของทุกคน สิ่งสำคัญคือการเข้าใจว่าเรากำลังทำอะไรไปเพื่ออะไร เราไม่ต้องเป๊ะ ไม่ต้องสมบูรณ์แบบ แต่ขอแค่สิ่งที่เราเลือกทำมันตอบโจทย์ในสิ่งที่หัวใจเราต้องการ

เราไม่ต้องเอาชีวิตไปเทียบกับใคร เพราะไม่มีใครรู้ว่าการวิ่งไล่ความสำเร็จหรือพักผ่อนบนเก้าอี้ชายหาด แบบไหนจะพาเรามีความสุขจริงๆ ขอแค่เราหมั่นถามตัวเองเสมอว่า "ตอนนี้เราทำเพื่ออะไร?" และ "มันคุ้มกับสิ่งที่เราต้องแลกไหม?"

บางทีชีวิตมันอาจไม่ได้ต้องการคำตอบที่สมบูรณ์แบบก็ได้ เราแค่ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับความไม่สมดุลอย่างมีความสุขและมีเป้าหมายก็พอ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม