เราเคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมบ้านเมืองเรามันถึงดูมั่วๆ ซั่วๆ แบบนี้
เราเคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมบ้านเมืองเรามันถึงดูมั่วๆ ซั่วๆ แบบนี้ เดินไปทางไหนก็เจอร้านขายของชำอยู่ข้างๆ โรงงานเหล็ก ร้านอาหารติดกับปั๊มน้ำมัน หรือบ้านพักอาศัยที่อยู่หลังตึกสำนักงานใหญ่ๆ ถ้าถามว่า “การจัดโซนนิ่ง” มันกินได้ไหม คนไทยคงตอบพร้อมกันว่า “ไม่รู้ แต่บ้านอยู่ติดโรงงานแล้วเสียงดังเหมือนรถถังวิ่งเข้าออกทุกวัน กินไม่ได้แต่ตายเร็วแน่ๆ” ทุกคนจำโรงงานหมิงตี้ระเบิดได้ไหม นั่นแหละโซนนิ่งพังๆ ฉบับไทยแลนด์แลนด์ออฟโนแพลนนิ่งของเราเอง
เราอยากเล่าประเด็นนี้ให้ฟัง เพราะมันสะท้อนอะไรบางอย่างที่ลึกซึ้งมากเกี่ยวกับการวางแผนชีวิตด้วย เราชอบคิดว่าทุกอย่างจะ “ไปตามทาง” ของมันเอง เหมือนการขับรถที่ไม่ต้องมีแผนที่ แค่ขับไปเถอะเดี๋ยวถึงเอง แต่ถนนบ้านเรามันไม่ใช่ถนนในหนัง La La Land นะ ที่มีแสงแดดอ่อนๆ ลมเย็นๆ เต้นร้องเพลงแล้วเจอทางออกสวยๆ ถนนบ้านเรานี่เหมือนใน Mad Max: Fury Road ซะมากกว่า ฝุ่นเยอะ เจอแต่ระเบิด กับโอกาสตายเร็วถ้าหลง
ที่ตลกคือ เราอยู่ในประเทศที่ทุกคนชอบบ่นเรื่อง “รถติด” แต่ไม่มีใครคิดวางแผนเรื่องการเดินทาง หรือวางแผนชีวิตตัวเองแบบจริงจังกันเลย ทุกอย่างปล่อยไหลไปตามน้ำ แปลกดีใช่ไหม การขาดโซนนิ่งของถนนสะท้อนความขาดโซนนิ่งในชีวิตเราเหมือนกัน ลองคิดดูสิ การไม่รู้ว่าควรจะให้ชีวิตอยู่ใน “โซนไหน” คือความมั่วของการใช้ชีวิตที่ทำให้เราทั้งเครียด ทั้งเหนื่อย เช่น เราทำงานประจำ แต่ก็อยากทำธุรกิจส่วนตัว สุดท้ายเราเลยกลายเป็นเหมือนคาเฟ่ที่อยู่ข้างโรงงานเคมี — ทุกอย่างดูจะไปด้วยกันไม่ได้ แต่เรายังฝืนพยายามทำ
สิ่งนี้มันเกี่ยวโยงกับปรัชญาของ ซิเซโร (Cicero) ที่เคยพูดถึงเรื่อง “ระเบียบ” ว่าความเป็นระเบียบในเมืองสะท้อนจิตใจที่เป็นระเบียบของคนในเมืองนั้น ถ้าเราปล่อยให้เมืองมันยุ่งเหยิง เราก็อาจกำลังสะท้อนว่าเราเองก็ยุ่งเหยิงพอๆ กัน
แต่จะทำไงดีล่ะ เราจะบ่นไปเรื่อยๆ หรือจะลงมือแก้ปัญหานี้แบบจริงจังกันดี คำตอบง่ายๆ ก็คือ เริ่มจากตัวเราเอง ลองดูชีวิตเราว่ามันเหมือน “ถนนพังๆ” ที่ไม่รู้จะไปทางไหนไหม ถ้าใช่ ลองจัดโซนชีวิตตัวเองใหม่ซะหน่อย เริ่มจากสิ่งเล็กๆ อย่างจัดห้องนอนให้ดูเป็นระเบียบ หรือแบ่งเวลาชีวิตระหว่างงานกับความสุขส่วนตัวให้ชัดเจนเหมือนการจัดเขตพื้นที่สีเขียวในเมือง
สุดท้าย การจัดโซนนิ่งชีวิตอาจไม่ใช่แค่เรื่องการแก้ปัญหา แต่มันคือการสร้างพื้นที่ให้เราหายใจ และให้เรามีเวลาชื่นชม “วิวข้างทาง” ที่เราลืมมองเพราะมัวแต่ติดแหง็กอยู่ในจราจรชีวิตอันยุ่งเหยิง
ของตัวเอง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น