เราเคยสงสัยกันไหมว่า เราเป็นใคร? ไม่ใช่ในแง่ของชื่อหรือลักษณะภายนอก แต่มันคือคำถามที่ยากที่สุดที่เรามักหลีกเลี่ยง มันเหมือนกับการที่เรากำลังถามว่า "เราเป็นใครในโลกนี้"
เราเคยสงสัยกันไหมว่า เราเป็นใคร? ไม่ใช่ในแง่ของชื่อหรือลักษณะภายนอก แต่มันคือคำถามที่ยากที่สุดที่เรามักหลีกเลี่ยง มันเหมือนกับการที่เรากำลังถามว่า "เราเป็นใครในโลกนี้" หรือ "เราคืออะไรในจักรวาลที่กว้างใหญ่เกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้?" บางครั้ง คำถามนี้อาจจะทำให้เราเวียนหัว จนอยากจะหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบแล้วบอกว่า “เอาล่ะ คืนนี้ขอกลับไปดูหนังเถอะ แล้วค่อยคิดเรื่องนี้พรุ่งนี้”
แต่นี่แหละคือหนึ่งในสิ่งที่ชีวิตมันสอนเรา ทำให้เราหยุดคิดและย้อนกลับไปถามตัวเอง มันเหมือนการที่เราไปเจอความคิดของนักปรัชญาชื่อดังคนหนึ่งที่บอกว่า "การไม่รู้ตัวเองคือการเดินหลงทางในโลก" เอาเข้าจริง การรู้ตัวเองไม่ใช่แค่เรื่องง่ายๆ มันไม่ใช่การถามว่าชอบอะไรหรืออยากทำอะไรในวันหยุด แต่มันเป็นการตั้งคำถามกับสิ่งที่อยู่ภายในจิตใจเรา และยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบนั้น
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ “higher self” ล่ะ? มันไม่ใช่แค่คำที่ดูดีบนโซเชียล มีเดียหรือลัทธิทางจิตวิญญาณที่คนบางกลุ่มพยายามขายให้เราซื้อไป แต่มันคือความสามารถในการเชื่อมต่อกับตัวตนที่ดีที่สุดที่เราสามารถเป็นได้ในทุกช่วงชีวิต เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า “เส้นทางแห่งการตื่นรู้” หรือ “การติดต่อกับตัวเองในระดับที่ลึกที่สุด” แต่ลองคิดดูสิว่ามันอาจจะไม่ใช่แค่การนั่งสมาธิในห้องปิดแอร์ทุกวัน แต่มันคือการเรียนรู้ที่จะสังเกตตัวเองในแต่ละวัน ว่าเรารู้สึกอย่างไรเมื่อทำสิ่งนั้นหรือสิ่งนี้ บางครั้งการที่เราแค่ตั้งคำถามง่ายๆ กับตัวเองว่า “วันนี้เรารู้สึกยังไง?” ก็เพียงพอแล้วที่จะพาเราเข้าไปใกล้ “higher self” ของเรา
ในโลกของหนังสือและภาพยนตร์ ทุกครั้งที่เราเห็นตัวละครที่มีการเติบโตทางจิตใจอย่างแท้จริง พวกเขามักจะต้องผ่านการค้นพบตัวเองที่ไม่ใช่เรื่องง่าย สักครั้งหนึ่งในชีวิตเราจะเห็นตัวละครที่ทำผิดพลาดแล้วต้องเรียนรู้จากมัน บางทีอาจจะต้องเรียนรู้จากการสูญเสีย บางทีอาจจะต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบาก และในที่สุดก็จะรู้ว่า "มันไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา แต่เกี่ยวกับวิธีที่เราเลือกที่จะตอบสนองมัน" ยกตัวอย่างเช่น ตัวละครในเรื่อง The Pursuit of Happyness ที่รับบทโดย Will Smith เขาผ่านความยากลำบากไปมากมาย แต่สิ่งที่ทำให้เขาไปถึงจุดที่ต้องการได้คือความเชื่อมั่นในตัวเองและความสามารถในการไม่ยอมแพ้ ถึงแม้ว่าจะไม่รู้เลยว่าเขาจะไปถึงจุดนั้นเมื่อไหร่ก็ตาม
นอกจากนี้ ในเรื่อง Inception ความคิดของเราก็เปรียบเสมือนกับการฝันในฝัน หากเราลองคิดถึง “higher self” เป็นชั้นๆ ที่เราต้องค่อยๆ ค้นหาและเดินทางเข้าไปในมัน เราจะพบว่ามันไม่ได้เป็นการเดินทางที่ตรงไปตรงมาหรือมีคำตอบให้เราแค่ในวันเดียว แต่เป็นการตัดสินใจที่เราทำทุกวันที่จะตื่นรู้และเปิดใจให้กับประสบการณ์ใหม่ๆ มันคือการที่เราสามารถเปิดกว้างต่อโลกและยอมรับว่ามันไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบในโลกนี้
แล้วมันจะติดต่อกับเราได้ยังไง? เอาล่ะ ถ้าเรามองที่การเล่นกีฬา มันอาจจะช่วยให้เราเห็นภาพง่ายขึ้น คุณเคยเล่นกีฬาแบบที่คุณต้องใช้สัญชาตญาณและการตอบสนองที่รวดเร็วไหม? มันเหมือนกับการที่เราไม่ต้องคิดอะไรมากแค่แสดงออกมาอย่างจริงใจและเต็มที่ บางครั้งในชีวิตเราก็ต้องฝึกตัวเองให้ตัดสินใจจากภายใน ไม่ต้องคิดมากเกินไป บางทีก็ปล่อยให้ตัวเองพลาดบ้าง สะดุดบ้าง มันคือการเติบโตที่ไม่มีทางลัด เราต้องเดินไปข้างหน้าและเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้นไปเรื่อยๆ
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า “higher self” ไม่ใช่สิ่งที่อยู่แค่ในทฤษฎี แต่มันเป็นสิ่งที่เราสามารถเข้าถึงได้ทุกวัน ผ่านการกระทำและการตัดสินใจเล็กๆ ที่เราทำ แม้แต่การเลือกที่จะเป็นคนดีในวันที่เรารู้สึกท้อแท้ หรือการพยายามทำความเข้าใจตัวเองในวันที่เราไม่รู้สึกว่ามีคำตอบ มันคือการรู้จักและยอมรับตัวเองแม้ในวันที่เรารู้สึกว่าเราไม่สมบูรณ์แบบ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น