ทำไมคำว่า “ภูมิสถาปัตยกรรม” ในภาษาไทยถึงถูกมองว่าเป็นเพียงการปลูกต้นไม้และจัดสวน?
ทำไมคำว่า “ภูมิสถาปัตยกรรม” ในภาษาไทยถึงถูกมองว่าเป็นเพียงการปลูกต้นไม้และจัดสวน? ทุกครั้งที่เราบอกว่าเคยเรียนหรือเคยสอนภูมิสถาปัตย์ คนส่วนใหญ่มักจะถามว่า “จัดสวนใช่ไหม?” ซึ่งเราขอบอกตรงนี้เลยว่า มันทั้งใช่และไม่ใช่ บอกเลยว่าเราเคยกวนตีนเพื่อนในภาควิชาหลังเรียนจบด้วยคำถามนี้ทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่ในใจแล้วเกือบโดนเพื่อนถีบมาแล้ว
เหตุผลที่เราได้ไปสอนมหาวิทยาลัยกรุงเทพและโปรไฟล์ผ่านไม่ใช่โปรไฟล์ทางด้านสถาปัตยกรรมหรือภูมิสถาปัตยกรรมของเราแต่เราผ่านไปเพราะว่าเขาต้องการมุมมองทางด้านศิลปะของเราและก็เป็นประสบการณ์ที่ดีมากที่ได้ไปสอนมหาวิทยาลัยกรุงเทพ และหลังจากที่เราชนะประกวดมา 2 ปีซ้อน(ก่อนที่จะชนะรวมเป็นปีที่ 3) เราถึงได้ไปสอนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ซึ่งไม่เคยคิดเลยว่าจะมีโอกาสในชีวิตนี้ได้สัมผัสการเป็นอาจารย์พิเศษของคณะนี้
ภูมิสถาปัตยกรรม (Landscape Architecture) เป็นมากกว่าการจัดต้นไม้ให้สวยงาม มันเป็นศาสตร์ที่อยู่ตรงกลางระหว่างสถาปัตยกรรม มนุษยศาสตร์ และวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม เราเคยเป็นนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ภาควิชานี้มาก่อน และต้องบอกเลยว่ามันเป็นศาสตร์ที่ซับซ้อนและมีความสำคัญในระดับที่คนส่วนใหญ่อาจไม่ทันได้คิดถึง
ลองนึกถึง High Line ในนิวยอร์ก ที่เปลี่ยนรางรถไฟร้างให้กลายเป็นสวนลอยฟ้า ซึ่งไม่ได้เป็นแค่ที่สวยๆ ให้คนมาเดินเล่น แต่ยังช่วยเชื่อมโยงชุมชน ลดมลพิษทางเสียง และเป็นพื้นที่สีเขียวที่ทำหน้าที่ฟอกอากาศ และยังสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวอีกด้วย มันแสดงให้เห็นว่า ภูมิสถาปัตยกรรมสามารถเปลี่ยนประสบการณ์การใช้ชีวิตของคนในเมืองได้ และไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวพันกับจิตวิทยาของผู้คน เศรษฐกิจ และสังคม
ในฐานะที่เราเคยเป็นอาจารย์พิเศษ เรามักจะสอนนักศึกษาให้คิดถึง “พื้นที่” (space) ในฐานะสิ่งมีชีวิต มันต้องมีความเชื่อมโยงกับบริบทโดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม ระบบนิเวศ หรือประวัติศาสตร์ ตัวอย่างเช่น การออกแบบสวนหย่อมข้างวัดโบราณในกรุงเทพฯ มันไม่ใช่แค่การเลือกต้นไม้ที่สวยงาม แต่ต้องคิดถึงต้นไม้ที่เคยมีในยุคอดีต หรือการออกแบบที่ให้คนสามารถนั่งสมาธิได้โดยไม่รบกวนความสงบของวัด
พูดถึงเรื่องนี้ เรานึกถึง The Garden of Cosmic Speculation ในสกอตแลนด์ ซึ่งเป็นสวนที่ออกแบบโดย Charles Jencks เขาไม่ได้เน้นความเขียวขจีของต้นไม้ แต่ใช้แนวคิดคณิตศาสตร์และฟิสิกส์มาสร้างพื้นที่ที่กระตุ้นความคิดและจินตนาการ มันเป็นการแสดงออกถึงการผสมผสานระหว่างศิลปะและวิทยาศาสตร์ ซึ่งในมุมมองของเรา มันคือจิตวิญญาณของภูมิสถาปัตยกรรม
แต่ทำไมในประเทศไทยถึงมองว่าภูมิสถาปัตยกรรมคือ “จัดสวน”? ส่วนหนึ่งอาจเพราะการศึกษาและวิธีที่คนในวิชาชีพนี้สื่อสารกับสังคมยังไม่เพียงพอ เราไม่ได้พูดถึงผลกระทบในระดับที่ใหญ่พอ เช่น การแก้ปัญหาน้ำท่วมเมืองผ่านระบบระบายน้ำที่สอดคล้องกับธรรมชาติ หรือการออกแบบพื้นที่สาธารณะที่ทุกคนเข้าถึงได้เท่าเทียมกัน
ทางออกสำหรับเรื่องนี้คืออะไร? เราเชื่อว่าคนในวิชาชีพนี้ต้องออกมาสื่อสารกับสังคมให้มากขึ้น ต้องแสดงให้เห็นว่าภูมิสถาปัตยกรรมเป็นส่วนสำคัญของการสร้างเมืองที่ยั่งยืน และสถาบันการศึกษาก็ควรเพิ่มเนื้อหาที่เกี่ยวกับการออกแบบในบริบทเมืองและสังคมให้มากขึ้น
ในโลกที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อมและสังคม ภูมิสถาปัตยกรรมไม่ได้เป็นแค่เรื่องของ “ความสวยงาม” อีกต่อไป แต่มันคือเครื่องมือที่ช่วยให้เรารอดพ้นจากปัญหาที่ซับซ้อนของโลกใบนี้ ถ้าทุกคนเข้าใจและให้ความสำคัญกับมันมากขึ้น เราอาจได้เห็นประเทศไทยที่มีพื้นที่สีเขียวที่ไม่ได้แค่สวย แต่ยังช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม ช่วยลดมลพิษ และช่วยเชื่อมโยงคนในสังคมให้ใกล้ชิดกันมากขึ้นในทุกมิติ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น