เราเคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมบางคนถึงชอบโจมตีคนอื่นทางโซเชียล นินทา ว่าร้าย จิกกัดแรงๆ แบบไม่ดูเงาสะท้อนตัวเองในกระจกเลย มันเหมือนเราอยู่ในยุคที่คีย์บอร์ดกลายเป็นอาวุธ

เราเคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมบางคนถึงชอบโจมตีคนอื่นทางโซเชียล นินทา ว่าร้าย จิกกัดแรงๆ แบบไม่ดูเงาสะท้อนตัวเองในกระจกเลย มันเหมือนเราอยู่ในยุคที่คีย์บอร์ดกลายเป็นอาวุธ คู่กับความมั่นใจแบบไร้การกลั่นกรอง ใครๆ ก็เป็นนักวิจารณ์ได้ ขอแค่มีอินเทอร์เน็ตกับสองนิ้วพิมพ์เร็วๆ

แต่ประเด็นคือ ทำไมเราถึงต้องโจมตีกันด้วย มันเป็นสัญชาตญาณดิบเหรอ หรือเป็นเพราะเราไม่ค่อยได้นั่งคุยกับตัวเอง?

ถ้าลองมองผ่านมุมจิตวิทยา Carl Jung เคยพูดถึงเรื่อง Shadow Self หรือเงาดำในตัวเรา พูดง่ายๆ คือด้านมืดของจิตใจ ด้านที่เราพยายามปฏิเสธและซ่อนมันไว้ คนที่นินทาคนอื่น บางทีเขาอาจไม่ได้เกลียดคนอื่นจริงๆ หรอก แต่เขาเกลียดเงาสะท้อนของตัวเองในคนเหล่านั้น เหมือนเวลาที่เราไม่มั่นใจในรูปร่างตัวเอง แต่พอเห็นคนอื่นแต่งตัวจัดเต็ม กลับรู้สึกหมั่นไส้ อันนี้เป็นการฉายเงาของความไม่พอใจในตัวเองออกไปข้างนอก

เหมือนในหนัง Black Swan ของ Darren Aronofsky นาตาลี พอร์ตแมน เล่นเป็นนักบัลเล่ต์ที่กดดันตัวเองจนเห็นภาพหลอนว่ามีคนคอยทำร้ายเธอ ทั้งที่จริงๆ แล้วมันคือความกลัว ความกดดันจากตัวเองทั้งนั้น

พูดถึงกีฬาก็เหมือนกัน นักกีฬาบางคนไม่เกลียดคู่แข่งจริงๆ แต่เกลียดความรู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งพอ เหมือนตอนที่โค้ชบอกว่า "เกมที่แท้จริงคือเกมกับตัวเอง" ไม่ว่าจะวิ่งมาราธอนหรือแข่งสเก็ตน้ำแข็ง มันคือการเอาชนะเสียงในหัวตัวเอง

ทีนี้กลับมาที่โซเชียล ทุกคนคงเคยเจอพวก “มือคีย์บอร์ด” ที่เหมือนออกมาจากโลกมืด มีทั้งสายเผือก สายแซะ สายดราม่า ทำไมพวกเขาถึงเป็นแบบนั้น? เราคิดว่าเพราะโซเชียลมีเดียมันทำให้เรารู้สึกว่าความเห็นตัวเองสำคัญกว่าความรับผิดชอบ ยิ่งไลค์เยอะ คอมเมนต์เยอะ ก็เหมือนได้การยอมรับ มันคล้ายๆ กับการเป็นคนดังแบบชั่วคราว ในทางจิตวิทยานี่เรียกว่า Validation Addiction หรือการเสพติดการได้รับการยอมรับ

และการโจมตีคนอื่นก็เหมือนการสร้างภาพตัวเองให้ดูสูงขึ้นโดยการกดคนอื่นลงไป มันคือการเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาของตัวเองไปอยู่กับปัญหาของคนอื่น อารมณ์ประมาณ "ฉันไม่ดีหรอก แต่แกแย่กว่าฉันไง!"

เรื่องนี้มันเชื่อมโยงกับปรัชญาโบราณด้วยนะ โสเครตีสเคยบอกว่า "The only true wisdom is in knowing you know nothing." หรือ "ความฉลาดที่แท้จริงคือการยอมรับว่าเรายังรู้น้อยมาก" แต่พวกที่นินทาโจมตีคนอื่น มักจะรู้สึกว่าตัวเองรู้อะไรบางอย่างมากกว่าคนอื่นเสมอ ทั้งที่จริงแล้ว...อาจจะไม่ได้รู้อะไรมากขนาดนั้นด้วยซ้ำ

เราเลยอยากชวนทุกคนตั้งคำถามกลับ เวลารู้สึกอยากจิกกัดใคร ลองหยุดคิดสักนิดว่ามันสะท้อนอะไรในตัวเราหรือเปล่า? บางครั้งการที่เรารู้สึกหงุดหงิดคนอื่น อาจจะเพราะเขามีสิ่งที่เราอยากมี หรือเป็นในแบบที่เราไม่กล้าเป็น เหมือนในหนัง The Devil Wears Prada ที่ตัวนางเอก (แอนน์ แฮทธาเวย์) หมั่นไส้นางบอสเพราะลึกๆ แล้วเธอเองก็อยากมีความมั่นใจแบบนั้นบ้าง

แล้วทางออกล่ะ? จะทำยังไงให้เลิกวงจรนี้?

คำตอบแรกเลยคือ Self-awareness หรือการรู้จักตัวเอง มันไม่ใช่แค่รู้ว่าเราชอบอะไร แต่ต้องรู้ด้วยว่าเรามีด้านมืดแบบไหน มีความไม่มั่นใจตรงไหน แล้วพยายามทำงานกับมัน ไม่ใช่เอามันไปพ่นใส่คนอื่น

คำตอบที่สองคือ Empathy หรือความเห็นอกเห็นใจ ลองคิดว่าคนที่เรากำลังจะนินทา มีอะไรอยู่เบื้องหลังความผิดพลาดหรือพฤติกรรมของเขาบ้าง มันไม่ใช่การให้ท้ายคนผิดนะ แต่มันคือการเข้าใจว่ามนุษย์ทุกคนมีปม มีข้อผิดพลาด และมีวันที่แย่

สุดท้ายคือ รับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเอง ถ้าเราจะวิจารณ์ใคร ขอให้วิจารณ์ด้วยข้อเท็จจริง ไม่ใช่อารมณ์ อย่าใช้คำพูดเพื่อสร้างความรู้สึกเหนือกว่าชั่วคราว แต่ใช้เพื่อสร้างบทสนทนาที่ทำให้ทุกคนโตขึ้น

สรุปเลยก็คือ เราทุกคนต่างมีเงาของตัวเอง เราทุกคนเคยรู้สึกไม่มั่นใจ เคยกลัวไม่ดีพอ แต่มันไม่ได้แปลว่าเราต้องทำร้ายคนอื่นเพื่อปกปิดความไม่มั่นใจนั้น โลกโซเชียลมันอาจทำให้เรารู้สึกว่าคำพูดของเราเบาๆ ไร้น้ำหนัก แต่ความจริงคือมันส่งผลจริงๆ

บางทีการมองเข้าไปในกระจก แล้วคุยกับตัวเองตรงๆ อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีกว่าการพิมพ์จิกกัดใครซักคนในคอมเมนต์ก็ได้

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม