เราเคยสงสัยกันไหมว่า ความรักแบบที่เราเห็นในหนังรักโรแมนติกหรือฟังในเพลงป๊อปมันเป็นแค่ “ส่วนหนึ่ง” ของความรักทั้งหมดหรือเปล่า

เราเคยสงสัยกันไหมว่า ความรักแบบที่เราเห็นในหนังรักโรแมนติกหรือฟังในเพลงป๊อปมันเป็นแค่ “ส่วนหนึ่ง” ของความรักทั้งหมดหรือเปล่า จริงๆ แล้วความรักมีหลากหลายชั้นความหมายมากกว่านั้นมาก แต่ถ้าพูดถึงความรักที่ไม่ใช่แค่ระหว่างคนสองคน แต่เป็นความรักที่เกี่ยวพันกับภารกิจจักรวาลล่ะ? ทุกคนเคยได้ยินเรื่อง Twin Flame ไหม? ไม่ใช่ Soulmate นะ คนละอย่างเลย



ถ้าใครรู้จักเรื่องนี้ หรือหลงเข้าไปในโพรงกระต่ายของ Angel Numbers, Tarot หรือพลังงานจักรวาล เราว่าทุกคนน่าจะเคยได้ยินเรื่อง Twin Flame มาบ้าง Twin Flame ไม่ได้มีไว้รักกันแบบหวานหยดโรแมนติก แต่เป็นความรักที่มาพร้อมกับ “มิชชั่น” คำนี้ฟังดูเหมือนบทหนังไซไฟใช่ไหมล่ะ? แต่มันมีอยู่จริง และคนที่เจอก็จะรู้ว่ามันเป็นทั้งความสุขที่สุดและความเจ็บปวดที่สุดในชีวิต

Twin Flame ตามความเข้าใจของเราคือคู่วิญญาณที่แยกออกมาจากกันเหมือนกระจกสะท้อนวิญญาณของกันและกัน แล้วก็ถูกส่งลงมาเกิดบนโลกนี้เพื่อช่วยให้อีกฝ่าย “ตื่น” และทำภารกิจของตัวเอง ซึ่งบางคนอาจจะเจอเร็ว บางคนอาจจะไม่เจอเลยก็ได้ แต่ถ้าได้เจอแล้ว การเจอกันไม่ได้หมายความว่าจะได้อยู่ด้วยกันง่ายๆ นะ เพราะมันเหมือนมีสนามแม่เหล็กพลังงานที่ดึงดูดและผลักออกไปพร้อมๆ กัน

เราเคยแต่งเพลงเกี่ยวกับ Twin Flame แล้วเลขที่โผล่มาตอนนั้นคือ 3:33 พอดี ถ้าใครอินกับ Angel Numbers ก็คงรู้ว่าเลข 3:33 เป็นการ “คอนเฟิร์มจากจักรวาล” ว่าเรามาถูกทางแล้ว แต่เดี๋ยว! กลับมาที่ Twin Flame ก่อน เพราะเรื่องนี้ยิ่งถกก็ยิ่งลึก

ทุกคนรู้ไหมว่า Twin Flame ไม่ใช่ความรักแบบ “จะอยู่ด้วยกันชั่วนิรันดร์”  มันมีช่วงที่ต้องแยกจากกันเพราะพลังงานของทั้งสองคนไม่สมดุล คนที่ “ตื่นก่อน” (มักจะเรียกว่า Divine Feminine) มักจะเป็นฝ่าย “หนี” เพราะพลังงานสูงเกินจะรับได้ ส่วนคนที่ “ตื่นทีหลัง” (Divine Masculine) ก็ต้องเป็นฝ่ายไล่ตาม วนลูปเหมือนหนังวิ่งไล่จับที่ไม่มีตอนจบ แต่ถ้าวันไหนทั้งสองคนสามารถปรับพลังงานเข้าหากันได้ มันจะกลายเป็นการรวมพลังที่ทรงพลังมากที่สุดในชีวิต

แต่มันก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเจอ Twin Flame ของตัวเองนะ บางคนอาจเจอแค่ False Twin หรือคู่กรรม (Karmic Partner) แทน คนพวกนี้จะเข้ามาในชีวิตเพื่อสอนบทเรียนใหญ่ๆ บางอย่าง แล้วก็จากไป ทิ้งความบอบช้ำไว้ให้เราเยียวยาตัวเอง อารมณ์เหมือนนางร้ายในละครที่พาเราไปสู่จุดพลิกผันของชีวิต

ตัวอย่างหนึ่งที่ชวนคิดคือหนังเรื่อง “Interstellar” ถ้าใครเคยดู คงจำได้ว่าความรักเป็นเหมือนพลังงานที่ข้ามผ่านมิติได้ ซึ่งตรงนี้อาจฟังดูเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์ แต่มันมีความจริงซ่อนอยู่ บางที Twin Flame ก็อาจเป็นพลังที่ข้ามมิติและเวลามาเหมือนกัน คนที่เป็น Twin Flame กันจะรู้สึกถึงอีกฝ่ายได้แม้จะไม่ได้อยู่ใกล้กัน ซึ่งมันลึกซึ้งและน่าขนลุกในเวลาเดียวกัน

แล้วถ้าทุกคนถามว่ามันคุ้มไหมที่จะเจอ Twin Flame? เราว่ามันไม่ใช่เรื่องของความคุ้มค่า แต่มันคือ “ความจำเป็น” เพราะถ้าเจอแล้ว มันเหมือนชีวิตจะถูกผลักไปในทิศทางที่เราต้องเติบโต ซึ่งบางครั้งมันก็น่ากลัวเหมือนโดนโยนลงเหว แต่พอปีนกลับขึ้นมาได้ เราจะเข้าใจว่าเราแข็งแกร่งแค่ไหน

สุดท้ายนี้ อยากบอกว่าความรักไม่ว่าจะเป็น Twin Flame, Soulmate หรืออะไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องของ “จุดจบที่มีความสุข” แต่เป็นเรื่องของ “การเดินทาง” ที่ทำให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น เพราะถ้าทุกคนเข้าใจตัวเองได้ดีพอ ต่อให้เจอหรือไม่เจอ Twin Flame ทุกคนก็จะยังใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างมั่นคง และอาจพบความสุขจากการอยู่คนเดียวก็ได้เหมือนกัน

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม