เรื่องสั้น: เศรษฐศาสตร์สไตล์หัวลูกอ๊อด
“เฮ้ย อีซันไลต์!” กูโผล่หน้ามาหามึงที่นั่งวาดแบบในห้องเรียนก่อนเริ่มคลาส มึงเหลือบตามองด้วยความเบื่อหน่ายก่อนจะปล่อยลมหายใจยาวราวกับกำลังตัดสินใจว่าจะตอบดีไหม
“อะไรอีกล่ะ อีควาย?”
“ช่วยหน่อยดิ! งานเศรษฐศาสตร์เมื่อคืน กูยังไม่เริ่มเลย!” กูทำหน้าเหมือนลูกหมาโดนทิ้ง
“แล้วกูจะช่วยอะไรได้?” มึงตอบ พลางดึงสมุดโน้ตออกมา มันเป็นสมุดที่เต็มไปด้วยตัวหนังสือสวยงามและตารางที่วาดเป๊ะเหมือนพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์
“ช่วยสอนคำถามนี้หน่อยดิ—‘Invisible hand’ คืออะไร?” กูยื่นสมุดเศรษฐศาสตร์มาให้ ดูเหมือนจะเขียนไปแค่หัวข้อเดียวในหน้ากระดาษเปล่าๆ
มึงถอนหายใจอีกครั้ง รู้ดีว่าวันนี้จะเป็นวันที่ยาวนาน แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธกูที่ทำตาแป๋วอยู่ได้
“‘Invisible hand’ หรือ ‘มือที่มองไม่เห็น’ คือแนวคิดของ Adam Smith ไง มันหมายถึงกระบวนการที่ตลาดเสรีจัดสรรทรัพยากรโดยธรรมชาติ ทุกคนทำเพื่อตัวเอง แต่มันจะก่อให้เกิดประโยชน์รวมกัน เช่น มึงเปิดร้านขายปลาหมึกปิ้งเพราะอยากรวย คนก็มาซื้อเพราะอยากกินปลาหมึกปิ้ง เป็นการช่วยกันโดยไม่ตั้งใจ เข้าใจไหม?”
“อ๋อ เหมือนเวลากูชอบไปซื้อชานมไข่มุก! กูอยากกิน แล้วคนขายก็อยากได้ตังค์ ทุกคนแฮปปี้!”
“ใช่... แต่สมมติฐานที่สำคัญคือทุกคนต้องไม่โง่ และดูเหมือนมันจะใช้ไม่ได้กับมึง” มึงตอบหน้าตาย
ช่วงพักกลางวัน กูลากมึงไปคาเฟ่ในคณะ มึงนั่งจิบกาแฟดำ (ที่กูแอบเรียกว่า “น้ำล้างแปรง”) ส่วนกูกินขนมปังจิ้มซอส แต่จู่ๆ ก็เกิดคำถามอีกแล้ว
“เฮ้ย ซันไลต์! Marginal Utility นี่มันคืออะไรนะ?”
มึงเงยหน้าจากการวาดแบบ ทำหน้าเหมือนต้องอธิบายให้กูเข้าใจทฤษฎีควอนตัม
“ง่ายๆ เลยนะ Marginal Utility คือประโยชน์ที่เราได้รับจากของเพิ่มอีกหนึ่งชิ้น แต่มันจะลดลงเรื่อยๆ ตามจำนวนของที่เรามี”
กูทำหน้าเหมือนกำลังตีโจทย์คณิตศาสตร์ “ยกตัวอย่างหน่อยดิ”
มึงหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะขึ้นมา “สมมติว่ามึงกระหายน้ำมากๆ แก้วแรกที่กินไปมันโคตรจะอร่อย แต่พอกินแก้วที่สอง มึงจะรู้สึกเฉยๆ และถ้ามึงยังดื่มแก้วที่สามหรือสี่ มึงคงอยากอ้วกแล้ว เข้าใจไหม?”
กูตบโต๊ะหัวเราะ “เออๆ เข้าใจ! เหมือนขนมปังนี่ไง ชิ้นแรกอร่อย แต่ถ้ากินเกินสามชิ้น กูอาจต้องนอนห้องพยาบาล!”
มึงมองกูแล้วถอนหายใจ แต่กูสังเกตเห็นรอยยิ้มมุมปากที่มึงไม่ยอมให้ใครเห็นง่ายๆ
ช่วงเย็นก่อนคลาสสุดท้าย กูเริ่มถามอีกคำถาม หลังจากได้ฟังเลกเชอร์เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ Keynesian
“นี่ซันไลต์ ถ้ากูเป็นรัฐบาล กูจะทำแบบ Keynesian ได้ไหมอะ?”
มึงเลิกคิ้ว “มึงอยากเป็นรัฐบาลไปทำไม?”
“ก็อยากแจกชานมไข่มุกฟรีไง! Keynesian บอกว่าเวลาคนเศร้าเศรษฐกิจไม่ดี ต้องแจกเงินให้เขาเอาไปใช้กระตุ้นตลาด!”
มึงกลอกตา “หลักการเขาคือการกระตุ้น ‘Aggregate Demand’ หรือความต้องการรวมในเศรษฐกิจ ไม่ใช่แจกชานมไข่มุกไปทั่ว แล้วมึงจะเอาเงินจากไหน?”
กูยิ้มแป้น “ก็ขอยืมนายไง นายรวย!”
“แล้วกูจะยืมจากใครล่ะ?” มึงตอบกลับ
กูทำหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ก็ยืมธนาคารโลก!”
มึงหัวเราะออกมาจนได้ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในวันนี้ที่กูเห็นมึงหัวเราะแบบจริงจัง
กูอาจจะยังงงเศรษฐศาสตร์อยู่บ้าง แต่กูรู้สึกว่า วันนี้มันคุ้มค่าเพราะอย่างน้อยกูก็ได้เห็นรอยยิ้มของมึงอีกครั้ง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น