Flow of Action – ทฤษฎีที่ทำให้ภาพมีพลังเหมือนกำลังเคลื่อนไหว

Flow of Action – ทฤษฎีที่ทำให้ภาพมีพลังเหมือนกำลังเคลื่อนไหว
เวลาเราวาดภาพหรือดูงาน illustration ที่มันเจ๋ง ๆ เคยรู้สึกกันมั้ยว่าภาพบางภาพมันดูมีชีวิต ดูเหมือนตัวละครกำลังขยับจริง ๆ เลย ทั้ง ๆ ที่มันก็เป็นแค่ภาพนิ่ง มันมีเหตุผลอยู่เบื้องหลังนะ เราเรียกทฤษฎีนี้ว่า Flow of Action หรือแปลเป็นไทยแบบง่าย ๆ ก็คือ "การไหลของการเคลื่อนไหว" นี่แหละ

Flow of Action เนี่ย เป็นแนวคิดที่โคตรสำคัญเวลาเราวาดภาพโดยเฉพาะพวก action scene หรือตอนที่ตัวละครกำลังขยับแรง ๆ เพราะมันทำให้ภาพดูมีไดนามิก ไม่แข็งทื่อ จุดหลัก ๆ ของทฤษฎีนี้คือ "เส้นนำสายตา" (Leading Lines) ที่เราจะใช้ในการสร้างความเคลื่อนไหวในภาพ อย่างเช่น เวลาวาดตัวละครกำลังวิ่ง เราจะใช้เส้นโค้งของแขน ขา ผม หรือแม้แต่ริ้วผ้า สร้างเส้นที่พุ่งไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้ตาคนดูรู้สึกว่าตัวละครกำลังวิ่งไปข้างหน้าจริง ๆ ไม่ใช่แค่ยืนท่ากว้าง ๆ

สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือ การกระจายน้ำหนักของท่าทาง (Weight Distribution) อย่างเวลาเราวาดคนกระโดด ถ้าน้ำหนักตัวเขาดูสมดุลเกินไป เช่น ยืนขาเท่ากัน แขนกางแบบสมมาตรเป๊ะ มันจะดูเหมือนลอยมากกว่ากระโดด เราต้องเอนตัวละครไปข้างหน้า หรือทำให้การวางขามันดูไม่เท่ากันบ้าง แบบขาหน้ารับน้ำหนัก ขาหลังลอยขึ้น แบบนี้คนดูจะรู้สึกถึง "แรง" ในภาพได้ดีขึ้น

แล้วถ้าพูดถึงศิลปินญี่ปุ่นที่ใช้ Flow of Action ได้โหดสุด ๆ คนนึงที่เรานึกถึงคือ โยชิโตชิ อาเบะ (Yoshitoshi ABe) คนที่ออกแบบตัวละครเรื่อง Serial Experiments Lain นั่นแหละ งานของเขาเน้นอารมณ์มาก ๆ ถึงแม้ภาพจะไม่ใช่แอ็กชันจ๋า แต่เขาใช้ Flow of Action กับพวก "อารมณ์" แทนการเคลื่อนไหว เช่น เส้นผมที่พันกันยุ่งเหยิง หรือทิศทางของเสื้อผ้าที่ปลิว มันช่วยสื่อความรู้สึกสับสน วุ่นวาย เหมือนตัวละครกำลังหล่นลงไปในห้วงความคิดบางอย่าง เทคนิคของ ABe จะใช้เส้นโค้งที่ซ้อนกันแบบออร์แกนิก (ไม่ใช่เส้นตรงเป๊ะ) และใช้ช่องว่าง (Negative Space) อย่างฉลาดเพื่อสร้างบรรยากาศ

บางครั้ง Flow of Action ไม่จำเป็นต้องเกิดจากตัวละครอย่างเดียว แต่สามารถใช้ สภาพแวดล้อม มาช่วยได้ เช่น ลมที่พัดผ่าน ทิศทางของแสงเงา หรือองค์ประกอบต่าง ๆ อย่างเศษกระดาษปลิว สายฝน หรือแม้แต่รอยเลือดที่กระเด็น สิ่งพวกนี้สร้าง "ทิศทาง" ให้ภาพได้เหมือนกัน

เราเองเวลาใช้ Flow of Action ก็จะคิดว่า "ทิศทางของภาพเราพุ่งไปทางไหน?" มันช่วยให้โฟกัสภาพชัดขึ้น เวลาเราจะวาดอะไรที่ดูมีพลัง เราจะหลีกเลี่ยงพวกท่าทางที่มันนิ่งเกินไป เช่น ยืนแขนแนบตัวตรง ๆ (ซึ่งมันแข็งเกินไป) แต่จะให้ตัวละครโน้มไปข้างหน้า หรืองอขา ยกแขนขึ้นนิดหน่อย เพื่อให้เกิดความรู้สึกเคลื่อนไหว

สรุปคือ ถ้าใครอยากให้งานตัวเองดูมีพลังขึ้น ลองโฟกัสเรื่อง เส้นนำสายตา น้ำหนัก และการกระจายองค์ประกอบ ให้ดี ลองดูงานของโยชิโตชิ อาเบะก็ได้ แล้วจะเข้าใจเลยว่า Flow of Action มันเปลี่ยนภาพนิ่งให้รู้สึกเหมือนขยับได้จริง ๆ ยังไง!


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม