วันนี้เราอยากเล่าเรื่องทฤษฏี Gestalt นะ

วันนี้เราอยากเล่าเรื่องทฤษฏี Gestalt ที่เกี่ยวกับ illustration, concept art และ manga ที่หลายคนอาจจะไม่ค่อยรู้จักกันเท่าไหร่ แต่จริงๆ แล้วมันมีผลมากๆ กับการสร้างภาพที่คนดูจะเข้าใจและรู้สึกต่อสิ่งที่เรานำเสนอได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดหรือคอนเซ็ปต์ต่างๆ ที่ใช้ในมังงะหรือแอนิเมชัน

ทฤษฏี Gestalt นี้เป็นการศึกษาวิธีที่เรามองโลกและแปลความหมายจากสิ่งที่เห็น แนวคิดหลักๆ คือ "ทั้งหมดย่อมมากกว่าผลรวมของส่วนประกอบ" นั่นหมายถึงว่าเมื่อเรามองอะไรสักอย่างในภาพรวม เราจะเห็นภาพนั้นเป็นทั้งหมดมากกว่าการเห็นแค่ส่วนประกอบเล็กๆ อย่างเช่น เรามองภาพวาดหนึ่ง แต่เราไม่ได้แยกแยะรายละเอียดทุกอย่างออกเป็นชิ้นเล็กๆ เราเห็นภาพนั้นเป็นทั้งภาพ เช่นการเห็น "คน" ในภาพวาด แม้ว่าจะไม่มีการวาดลักษณะของมือหรือเท้า แต่เราก็รู้สึกได้ว่านี่คือคน เราไม่ได้ดูแค่เส้นหรือสีในภาพเท่านั้น แต่เราเข้าใจมันในมุมมองที่กว้างขึ้น

ทุกคนที่เรียนหรือทำงานด้าน illustration หรือ manga คงเคยได้ยินคำว่า "การอ่านภาพ" หรือ "การรับรู้ภาพ" ที่ไม่ใช่แค่การมองแต่เป็นการตีความภาพนั้นๆ ว่ามันหมายความว่าอะไรหรือเกิดอะไรขึ้นในภาพนั้น พอเรานำทฤษฏี Gestalt มาใช้ เราจะเริ่มมองภาพแบบที่มีการเชื่อมโยงและสัมพันธ์กัน ไม่ใช่แค่การวาดสิ่งของแยกๆ กันออกมา

ยกตัวอย่างง่ายๆ คือนักวาดมังงะชื่อดังอย่าง Yoshiyuki Sadamoto คนนี้ใช้ทฤษฏี Gestalt ในการออกแบบภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างเช่นใน Neon Genesis Evangelion ที่ทุกคนอาจจะรู้จักดี สังเกตเห็นไหมว่าในบางฉาก แม้ว่าภาพจะเต็มไปด้วยรายละเอียดซับซ้อน เช่น ท่าทางของตัวละคร การจัดแสง หรือการใช้โทนสีที่ตัดกัน แต่ทุกอย่างจะถูกจัดเรียงให้คนดูสามารถจับประเด็นหลักได้ทันที เช่นในหลายๆ ฉากที่ตัวละครมักจะถูกแสดงในท่าทางหรือการเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนจะเชื่อมโยงกับอารมณ์ภายในใจของตัวละครนั้นๆ หรือการใช้เทคนิคการจัดวางองค์ประกอบในภาพที่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่ตัวละครกำลังรู้สึก

Sadamoto ใช้การจัดเรียงองค์ประกอบในภาพ เพื่อให้คนดูไม่แค่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ยังรู้สึกถึงความรู้สึกหรือความตึงเครียดที่ตัวละครกำลังเผชิญอยู่ โดยการจัดวางภาพให้ส่วนต่างๆ ของฉากส่งเสริมอารมณ์ร่วมไปกับตัวละคร เช่น การใช้เงาและแสงที่ตัดกันหรือการจัดองค์ประกอบในทิศทางที่ให้ความรู้สึกว่าโลกนั้นกำลังหมุนไปในทางที่ไม่สามารถควบคุมได้

เราสามารถเห็นได้ชัดว่าในงานของ Sadamoto ทุกๆ การเคลื่อนไหว หรือองค์ประกอบภาพแต่ละส่วนถูกออกแบบมาให้ทุกคนที่ดูรู้สึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างแต่ละชิ้นส่วนและความหมายที่ซ่อนอยู่ในภาพนั้นๆ การใช้ Gestalt ช่วยให้เขาสื่อสารกับคนดูได้โดยไม่ต้องพึ่งพาคำพูดหรือคำอธิบายมากมาย แค่ภาพเดียวก็สามารถสื่อสารได้ครบถ้วน และทำให้คนดู "เข้าใจ" สิ่งที่ตัวละครกำลังเผชิญ

และที่สำคัญคือเขาจะไม่ปล่อยให้ส่วนไหนในภาพโดดเด่นเกินไปจนทำให้ภาพมันดูรกหรือยากที่จะเข้าใจ ทุกๆ ส่วนจะมีความหมายที่เชื่อมโยงกัน เราจะเห็นได้ว่าในงานของ Sadamoto แม้ว่าแต่ละตัวละครจะมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนในตัวเอง แต่เมื่อวางตัวละครในฉากเดียวกัน สถานการณ์ต่างๆ ก็จะออกมาเป็นภาพที่ทำให้คนดูรู้สึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครและเรื่องราวได้อย่างลึกซึ้ง

บางทีการที่เรานึกถึงเทคนิค Gestalt ในการวาดภาพหรือออกแบบอะไรสักอย่าง ก็เหมือนกับการยอมให้ตัวเองมองภาพรวมมากกว่าจะจมอยู่กับรายละเอียดเล็กๆ เพราะบางครั้ง "ภาพรวม" ก็สำคัญไม่น้อยไปกว่ารายละเอียดเล็กๆ เลย


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม