เราเคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมเกม RPG อย่าง Legend of Mana ถึงให้เรามีสิทธิ์ "สร้างโลก" เองได้เหมือนเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ แต่โลกนั้นก็กลับเต็มไปด้วยภูมิทัศน์ที่บางครั้งดูงดงามเกินบรรยาย
เราเคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมเกม RPG อย่าง Legend of Mana ถึงให้เรามีสิทธิ์ "สร้างโลก" เองได้เหมือนเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ แต่โลกนั้นก็กลับเต็มไปด้วยภูมิทัศน์ที่บางครั้งดูงดงามเกินบรรยาย หรือบางครั้งก็ยุ่งเหยิงราวกับเรากำลังตกแต่งบ้านตัวเองหลังดื่มกาแฟไปสามแก้วแล้วมือสั่น แน่นอนว่าเกมนี้ไม่ใช่แค่เกมธรรมดา แต่เป็นชิ้นงานศิลปะที่ซ่อนแนวคิดลึกซึ้งของ landscape architecture ไว้ในทุกองค์ประกอบ
ลองคิดดูสิ ทุกคน เรามี Artefacts ที่เหมือน "ชิ้นส่วนแห่งความทรงจำ" ให้เราวางลงในแผนที่ แล้ว boom! มันกลายเป็นเมือง ป่า หรือภูเขาที่มีความเชื่อมโยงกันอย่างน่ามหัศจรรย์ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ การออกแบบพื้นที่ในเกมนี้ไม่ได้มาเพราะความบังเอิญ มันเต็มไปด้วยแนวคิดที่สะท้อนโลกแห่งความจริง
ตัวอย่างชัดๆ คือ เมือง Domina เมืองเล็กๆ ที่มีตลาดที่แสนอบอุ่นและบ้านหลากสีสัน ตรงนี้คล้ายกับการออกแบบเมืองของ Gaudí ในบาร์เซโลนา ใช่เลย เรากำลังพูดถึง Park Güell และ Sagrada Família ที่เต็มไปด้วยสีสัน รูปทรงอิสระ และการเชื่อมโยงธรรมชาติเข้ากับชีวิตคน มันคือการออกแบบที่ไม่เพียงแค่ "สวย" แต่ยัง "สร้างสรรค์พื้นที่ที่เล่าเรื่อง"
อีกที่ที่เราต้องพูดถึงคือ Mekiv Caverns ถ้ำลึกลับที่ดูเหมือนมาจากเทพนิยาย แต่ถ้ามองดีๆ มันมีโครงสร้างคล้ายกับ Antelope Canyon ในรัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา ถ้ำเหล่านี้ในชีวิตจริงเกิดจากการกัดเซาะของน้ำและลมผ่านเวลาอันยาวนาน ทำให้เกิดพื้นผิวที่ดูเหมือนมีชีวิต ถ้าเอาไปเปรียบกับเกม ก็เหมือนกับว่า Legend of Mana สอนให้เรารู้ว่า ธรรมชาติมี "ภาษา" ของตัวเองที่มนุษย์เรียนรู้และนำไปใช้ได้
แล้วเราจะไม่พูดถึง The Mana Tree ก็คงไม่ได้ ต้นไม้แห่งชีวิตที่ตั้งอยู่ใจกลางโลกของเกมนี้ มันไม่ใช่แค่ต้นไม้ใหญ่ แต่เป็นตัวแทนของแนวคิดปรัชญาแบบ Gaia Hypothesis ที่พูดถึงโลกในฐานะสิ่งมีชีวิตเดียว โลกที่ทุกสิ่งทุกอย่างเชื่อมโยงกัน ถ้าต้นไม้ตาย โลกก็ล่มสลายไปพร้อมๆ กัน ในมุมนี้มันไม่ต่างจากความคิดในศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่น เช่น Zen gardens ที่สื่อถึงความสมดุลและการพึ่งพากันของทุกสิ่ง
สิ่งที่เราชอบที่สุดในเกมนี้คือ ความกล้าในการให้ผู้เล่นสร้างสรรค์โลกของตัวเอง มันเหมือนกับว่าผู้พัฒนาเกมอยากบอกว่า "เฮ้ โลกนี้ไม่ได้มีแค่คำตอบเดียว" เหมือนกับที่เราต้องเถียงกันในชีวิตจริงเรื่องการออกแบบเมือง จะทำยังไงให้สวนสาธารณะกลางกรุงเทพไม่ใช่แค่ที่นั่งพักผ่อน แต่ยังช่วยแก้น้ำท่วมได้ด้วย นี่คือการเอาไอเดียจากเกมไปสู่ความจริง และมันก็ทำให้เรารู้ว่าการออกแบบพื้นที่ไม่ได้เป็นเรื่องของ "พื้นที่สวยๆ" เท่านั้น แต่เป็นเรื่องของ "พื้นที่ที่มีความหมาย"
สุดท้ายนี้ เราว่าทุกคนควรลองเล่นเกมนี้อีกครั้ง (หรือครั้งแรกก็ได้) แต่คราวนี้ลองสังเกตดูว่า ภูมิทัศน์ที่เราสร้างสะท้อนตัวตนหรือแนวคิดอะไรในใจเราบ้าง เพราะทุก Artefact ที่เราวาง ทุกเมืองที่เราสร้าง มันอาจจะกำลังเล่าเรื่องราวบางอย่างที่เราเองยังไม่รู้ก็ได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น