ดินแดนแห่งปากกา Sharpie
ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีพ่อค้าตลาดนัดที่ชีวิตวุ่นวายกับการเขียนป้ายราคาทุกวัน เขาเหนื่อยกับปากกาที่หมึกไหลเยิ้ม บางครั้งก็ลบออกง่ายจนลูกค้าสับสน วันหนึ่งระหว่างที่เขากำลังบ่นอุบกับเพื่อนร่วมตลาด ก็มีชายแปลกหน้าผู้หนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับด้ามปากกาสีดำมันวาว ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงทรงพลังว่า “นี่แหละ Sharpie! ปากกาแห่งความสมบูรณ์แบบ ข้าให้เจ้าไปลองใช้ดู แล้วชีวิตเจ้าจะเปลี่ยนไปตลอดกาล”
พ่อค้ารับปากกามาด้วยความไม่แน่ใจ แต่เมื่อเขาลองเขียนบนกระดานไม้เก่าที่ร้านเท่านั้นแหละ เส้นหมึกดำสนิทปรากฏขึ้น คมชัดไม่เลอะเทอะ ต่อให้ใช้ผ้าชุบน้ำถูแรงแค่ไหน หมึกก็ยังอยู่เหมือนเดิม พ่อค้าอ้าปากค้าง และในวันนั้นเอง Sharpie ก็กลายเป็นตำนานของตลาดนัดแห่งนี้
ข่าวลือเรื่อง Sharpie แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้าน ศิลปินในหมู่บ้านต่างตื่นเต้นอยากลองใช้ บางคนทดลองเขียนบนแก้ว บางคนวาดลวดลายลงบนรองเท้าผ้าใบ และบางคนถึงขั้นใช้ Sharpie ตกแต่งบ้าน! สิ่งมหัศจรรย์คือหมึกของมันไม่เพียงแค่ติดแน่น แต่ยังมีสีสันสดใสหลากหลาย ทั้งสีดำ สีแดง สีพาสเทล หรือแม้กระทั่งสีเมทัลลิกวิบวับที่เหมือนแสงดาวในคืนเดือนมืด
เด็กๆ ในหมู่บ้านเริ่มสนุกกับการใช้ Sharpie วาดลวดลายลงบนเสื้อผ้า คุณป้าแม่ครัวใช้มันเขียนชื่อบนขวดเครื่องปรุง และพ่อบ้านหัวใสก็ใช้มันเขียนคำเตือนตลกๆ ไว้บนกำแพงบ้าน Sharpie กลายเป็นของที่ทุกคนต้องมีติดตัวไว้ และใครที่ไม่มี ก็ต้องออกตามหามันเหมือนค้นหาขุมทรัพย์!
แต่ Sharpie ก็ไม่ได้มีเพียงข้อดีเพียงอย่างเดียว มันมีคำเตือนสำคัญที่ทุกคนต้องจดจำ หมึกของมันติดแน่นเกินไปจนลบออกไม่ได้ง่ายๆ ถ้าเผลอเขียนผิดแล้ว อาจต้องอยู่กับความผิดพลาดนั้นไปตลอดชีวิต บางคนถึงขั้นเรียกมันว่า “ปากกาสาบาน” เพราะถ้าเขียนอะไรลงไปแล้ว จะเป็นคำมั่นสัญญาที่ไม่มีวันลบเลือนไปจากพื้นผิวนั้น
และนี่ก็คือเรื่องราวของ Sharpie ปากกาวิเศษที่เปลี่ยนชีวิตคนทั้งหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้า แม่ค้า ศิลปิน หรือเด็กนักเรียน มันกลายเป็นของที่ทุกคนรักและหลงใหล ถึงตอนนี้ Sharpie ยังคงเดินทางไปในที่ต่างๆ ทั่วโลก สร้างรอยยิ้มและความประทับใจให้ผู้คนทุกหนแห่ง ใครที่ยังไม่เคยสัมผัสพลังของมัน ลองหามาใช้ดูสักครั้ง แล้วคุณจะรู้ว่าปากกาด้ามหนึ่ง...เปลี่ยนโลกได้จริงๆ!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น