มาตรการป้องกันแผ่นดินไหวของญี่ปุ่น ระบบอาคารต้านแผ่นดินไหว และแอพพลิเคชันเตือนภัย
ระบบอาคารต้านแผ่นดินไหวในญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นเขามีวิธีทำให้ตึกไม่พังตอนแผ่นดินไหว เพราะที่นั่นแผ่นดินไหวมันเกิดบ่อยมากเลย ก่อนอื่นเลย เค้าจะทำให้ตึกมันไม่ติดกับพื้นดินแบบตรงๆ โดยจะมีวัสดุพิเศษหรือระบบที่ช่วยให้ตึกมันขยับไปมานิดหน่อยเวลาเกิดแผ่นดินไหว แบบว่าเค้าจะใช้ยางหรือแผ่นโลหะบางๆ วางไว้ใต้ฐานของตึก เมื่อแผ่นดินไหวเกิดขึ้น แรงสั่นสะเทือนจากพื้นมันจะถูกดูดซับหรือกระจายออกไปก่อนที่มันจะไปถึงตัวตึกหลัก ทำให้ตึกไม่สั่นแรงหรือพัง ส่วนใหญ่เค้าจะใช้ระบบที่ทำให้มันเลื่อนหรือส่ายไปมาระหว่างฐานและตัวตึก นึกภาพตอนที่นั่งรถไฟและถือแก้วน้ำ ถ้ารถไฟสะเทือนแรงๆ แก้วน้ำอาจหก แต่ว่าถ้าเราเอากล่องยางหรือวัสดุยืดหยุ่นวางไว้ใต้แก้วมันก็จะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำหกออกมาแบบในตอนแรก
แล้วถ้าตึกมันเริ่มสั่นมากขึ้น เค้าจะใช้ระบบที่ดูดซับแรงสั่นสะเทือนเพิ่มเข้าไปอีก เช่น ใช้ของที่เหมือนกับกันสะเทือนในรถยนต์ หรือใช้แผ่นโลหะที่สามารถทำให้พลังงานที่เกิดจากแผ่นดินไหวมันถูกดูดซับไป แค่ตึกมันไม่เคลื่อนไหวหรือสั่นมากเกินไป พอเกิดแผ่นดินไหวแรงๆ ของพวกนี้ก็จะทำงานช่วยให้ตึกไม่พัง
อีกอย่างที่สำคัญคือการออกแบบโครงสร้างให้มันยืดหยุ่นได้ตลอดเวลา เช่น ทำให้คานและเสามีความยืดหยุ่น สามารถโค้งหรือขยับได้บ้างตอนแผ่นดินไหว ไม่ให้มันแตกหักเลยทันที อย่างนี้มันช่วยให้อาคารไม่พังง่ายๆ ถ้าตึกมันแข็งเกินไปมันจะหักหรือพังได้ง่าย เพราะแรงแผ่นดินไหวมันเยอะมาก
สุดท้ายก็จะมีการทำให้ระบบต่างๆ ที่ติดตั้งในตึกทำงานอัตโนมัติ เช่น ระบบลิฟต์จะหยุดทันทีที่เกิดแผ่นดินไหว และปิดแก๊สหรือไฟฟ้าไปด้วย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการเกิดเพลิงไหม้หรือการระเบิดจากการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าในตึก
ที่ญี่ปุ่นเขาทำแบบนี้เพื่อให้ตึกไม่พัง และคนที่อยู่ในตึกปลอดภัยจากแผ่นดินไหว
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เนื่องจากตั้งอยู่บนแนวรอยต่อของแผ่นเปลือกโลก เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อชีวิตและทรัพย์สิน ญี่ปุ่นได้พัฒนาเทคโนโลยีและหลักการออกแบบอาคารที่สามารถต้านทานแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. ระบบแยกฐานราก (Seismic Base Isolation System)
เป็นระบบที่ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนจากพื้นดินไปยังโครงสร้างอาคารโดยตรง
1.1 การใช้แบริ่งยืดหยุ่น (Elastomeric Bearings)
ใช้วัสดุยืดหยุ่น เช่น ยางธรรมชาติหรือยางสังเคราะห์ที่เสริมแผ่นเหล็ก
ลดแรงกระทำจากแผ่นดินไหวโดยเปลี่ยนแรงสั่นสะเทือนเป็นการเคลื่อนที่แนวราบแทน
สามารถลดแรงเร่งที่เกิดขึ้นภายในอาคารได้ถึง 80%
1.2 ระบบลูกกลิ้งรับแรง (Sliding Bearings & Friction Pendulum Bearings)
ใช้ลูกกลิ้งหรือแผ่นโลหะที่มีสารหล่อลื่น เช่น PTFE (Teflon)
ทำให้อาคารสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระเมื่อเกิดแผ่นดินไหว
ลดความเสียหายของโครงสร้างอาคารจากแรงเฉือน
2. ระบบดูดซับแรงสั่นสะเทือน (Seismic Damping Systems)
เป็นการใช้กลไกช่วยลดพลังงานจากแผ่นดินไหวเพื่อให้อาคารมีการสั่นสะเทือนที่น้อยลง
2.1 ระบบแดมเปอร์หนืด (Viscous Dampers)
ใช้น้ำมันไฮดรอลิกในกระบอกสูบเพื่อดูดซับแรง
เมื่ออาคารเคลื่อนที่ แดมเปอร์จะต้านการเคลื่อนที่และช่วยลดแรงสั่นสะเทือน
2.2 ระบบแดมเปอร์แม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Dampers)
ใช้หลักการเหนี่ยวนำไฟฟ้าผ่านขดลวดเพื่อสร้างสนามแม่เหล็กต้านแรงสั่นสะเทือน
มีประสิทธิภาพสูงและสามารถควบคุมระดับแรงต้านได้แบบเรียลไทม์
2.3 ระบบแดมเปอร์แรงเสียดทาน (Friction Dampers)
ใช้แผ่นโลหะที่มีแรงเสียดทานสูงช่วยต้านแรงเฉือนจากแผ่นดินไหว
ลดแรงสั่นสะเทือนของโครงสร้างโดยไม่ต้องใช้พลังงานภายนอก
3. ระบบเสริมความแข็งแรงของโครงสร้าง (Ductile Structural Systems)
ออกแบบให้โครงสร้างอาคารสามารถดูดซับพลังงานจากแผ่นดินไหวได้โดยไม่เกิดการพังทลาย
3.1 โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กที่ยืดหยุ่น (Reinforced Concrete with Ductile Behavior)
ใช้เหล็กเสริมที่สามารถยืดตัวได้โดยไม่เปราะแตก
ออกแบบคานและเสาให้มีความสามารถในการเสียรูปสูง
3.2 ระบบโครงสร้างเหล็กแบบยืดหยุ่น (Steel Braced Frames)
ใช้เหล็กเป็นวัสดุหลักในการรับแรง
ออกแบบให้โครงสร้างสามารถบิดตัวหรือเสียรูปได้โดยไม่พังทลาย
3.3 ผนังรับแรงเฉือน (Shear Walls)
ผนังคอนกรีตเสริมเหล็กที่ออกแบบให้รับแรงด้านข้างได้โดยตรง
ช่วยลดการโยกของอาคารในแนวนอน
4. ระบบกระจายแรงจากแผ่นดินไหว (Energy Dissipation System)
ช่วยกระจายแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโครงสร้างอาคารเพื่อลดแรงกระทำที่จุดใดจุดหนึ่ง
4.1 โครงสร้างรูปทรงพิเศษ (Tuned Mass Damper - TMD)
ติดตั้งมวลถ่วงน้ำหนักขนาดใหญ่ เช่น ลูกตุ้ม หรือแท็งก์น้ำ บนยอดอาคาร
เมื่อตัวอาคารสั่นไหว ลูกตุ้มจะเคลื่อนที่สวนทางเพื่อลดแรงสั่นสะเทือน
4.2 ระบบแรงดึงเคเบิล (Tension Cable System)
ใช้สายเคเบิลช่วยดึงโครงสร้างไม่ให้สั่นมากเกินไป
ใช้ในอาคารสูงและสะพานแขวน
5. วัสดุและเทคนิคพิเศษสำหรับอาคารต้านแผ่นดินไหว
5.1 คอนกรีตที่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ (Self-Healing Concrete)
ผสมแบคทีเรียหรือสารประกอบพิเศษที่ช่วยเติมรอยร้าวอัตโนมัติ
5.2 เหล็กกล้าแบบยืดหยุ่นสูง (Superelastic Steel)
มีคุณสมบัติคืนรูปได้หลังจากเกิดการเสียรูป
5.3 การออกแบบฐานรากตื้นและลึก (Shallow and Deep Foundations)
ใช้เสาเข็มพิเศษที่สามารถปรับตัวต่อการเคลื่อนที่ของดิน
6. ระบบเตือนภัยและอาคารอัจฉริยะ (Smart Seismic Systems)
ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับแรงสั่นสะเทือนแบบเรียลไทม์
ระบบอัตโนมัติสำหรับล็อกลิฟต์และปิดแก๊สเมื่อเกิดแผ่นดินไหว
ระบบ AI วิเคราะห์การสั่นสะเทือนเพื่อปรับแดมเปอร์และโครงสร้าง
สรุป
ระบบอาคารต้านแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นประกอบด้วย 6 องค์ประกอบหลัก ได้แก่
ระบบแยกฐานราก (Seismic Base Isolation)
ระบบดูดซับแรงสั่นสะเทือน (Damping Systems)
ระบบเสริมความแข็งแรงของโครงสร้าง (Ductile Structure)
ระบบกระจายแรง (Energy Dissipation System)
วัสดุและเทคนิคพิเศษ (Innovative Materials & Techniques)
ระบบอาคารอัจฉริยะและเตือนภัย (Smart Seismic Systems)
ด้วยเทคโนโลยีเหล่านี้ ญี่ปุ่นสามารถลดความเสียหายและปกป้องชีวิตของประชาชนจากแผ่นดินไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีป้องกันแผ่นดินไหวของญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นสามารถเอาตัวรอดจากแผ่นดินไหวได้เพราะการเตรียมพร้อมในหลายด้าน ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี กฎหมาย และการฝึกซ้อมประชาชน โดยมีปัจจัยสำคัญดังนี้:
1. เทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน
อาคารกันแผ่นดินไหว: ตึกสูงและอาคารทั่วไปถูกออกแบบให้ทนต่อแรงสั่นสะเทือน เช่น
Base Isolation System (ระบบแยกฐาน) ใช้วัสดุยืดหยุ่นลดแรงสั่นสะเทือน
Damping System (ระบบลดแรงสั่น) ใช้โช้คอัพดูดซับแรง
ใช้วัสดุที่ยืดหยุ่นและโครงสร้างน้ำหนักเบา
ระบบเตือนภัยล่วงหน้า (Earthquake Early Warning – EEW)
มีเซ็นเซอร์วัดแรงสั่นสะเทือนทั่วประเทศ เมื่อตรวจจับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว ระบบจะส่งสัญญาณเตือนไปยังโทรศัพท์ ทีวี รถไฟ และโรงเรียน
ระบบหยุดรถไฟอัตโนมัติ
รถไฟชินคันเซ็นมีเซ็นเซอร์ตรวจจับแผ่นดินไหว ถ้าพบแรงสั่นสะเทือน รถไฟจะหยุดวิ่งทันทีเพื่อลดอุบัติเหตุ
2. กฎหมายและมาตรฐานก่อสร้าง
ญี่ปุ่นมี Building Standards Act บังคับใช้อย่างเข้มงวด ต้องสร้างอาคารให้ต้านแผ่นดินไหวได้
อาคารเก่าต้องผ่านการปรับปรุงให้ได้มาตรฐาน
3. การฝึกซ้อมและการศึกษา
เด็กนักเรียนและประชาชนฝึกซ้อมรับมือแผ่นดินไหวทุกปี (เช่น Disaster Prevention Day ทุกวันที่ 1 กันยายน)
มีการสอนให้รู้จักจุดปลอดภัย และวิธีปฏิบัติตัวเมื่อเกิดแผ่นดินไหว เช่น Duck, Cover, and Hold (หมอบ, ป้องกันหัว, จับให้มั่น)
4. มาตรการรับมือหลังแผ่นดินไหว
มีศูนย์บรรเทาสาธารณภัยที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ
เทศบาลและชุมชนมีแผนรองรับ เช่น ศูนย์อพยพ อาหารสำรอง ระบบสื่อสารฉุกเฉิน
มี JMA (Japan Meteorological Agency) คอยเฝ้าระวังแผ่นดินไหวและสึนามิ
5. วัฒนธรรมการเตรียมพร้อม
คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉิน เช่น ไฟฉาย น้ำดื่ม และอาหารสำรองในบ้าน
การออกแบบเมือง เช่น ถนนกว้างขึ้น เพื่อลดการพังทับของอาคารและให้รถพยาบาลเข้าถึงง่าย
สรุป
ญี่ปุ่นรอดจากแผ่นดินไหวเพราะการวางแผนระยะยาว ใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้า กฎหมายเข้มงวด และปลูกฝังวัฒนธรรมการเตรียมพร้อม ทำให้แม้จะเกิดแผ่นดินไหวบ่อย แต่ความเสียหายและจำนวนผู้เสียชีวิตมักต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
ไปหาข้อมูลอ่านมาคือมันมีระบบแจ้งเตือนฮะ แต่แจ้งได้ระดับไม่กี่นาทีก่อนเกิดแผ่นดินไหวนะ
มีหลายเทคโนโลยีที่พัฒนาเพื่อพยากรณ์และตรวจจับแผ่นดินไหวล่วงหน้า แต่ในปัจจุบันยังไม่มีเครื่องมือใดที่สามารถ "พยากรณ์" แผ่นดินไหวได้อย่างแม่นยำ 100% ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม มี ระบบแจ้งเตือนแผ่นดินไหวล่วงหน้า (Earthquake Early Warning - EEW) ที่สามารถตรวจจับแผ่นดินไหวและส่งสัญญาณเตือนก่อนที่แรงสั่นสะเทือนหลัก (Primary Wave - P-wave) จะมาถึง
-เทคโนโลยีที่ใช้ตรวจจับแผ่นดินไหวล่วงหน้า
ระบบแจ้งเตือนแผ่นดินไหว EEW
ประเทศที่มีการใช้งาน เช่น ญี่ปุ่น (J-ALERT), สหรัฐฯ (ShakeAlert), เม็กซิโก (SASMEX), ไต้หวัน (TWS) และจีน
ใช้เซนเซอร์ตรวจจับคลื่น P-wave ที่เคลื่อนที่เร็วกว่า S-wave (คลื่นที่ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนรุนแรง)
สามารถแจ้งเตือนล่วงหน้าหลายวินาทีถึงเป็นนาที ขึ้นอยู่กับระยะห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหว
-AI และ Machine Learning
นักวิจัยใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจากแผ่นดินไหวที่ผ่านมา เพื่อพยากรณ์แนวโน้มของแผ่นดินไหวในอนาคต
Google มีฟีเจอร์แจ้งเตือนแผ่นดินไหวผ่าน Android โดยใช้ accelerometer ของสมาร์ตโฟนเป็นเครือข่ายตรวจจับ
-การใช้สัตว์พฤติกรรมสัตว์ (Animal Behavior)
มีรายงานว่าสัตว์บางชนิด เช่น สุนัข แมว งู หรือกบ สามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนขนาดเล็กก่อนมนุษย์
นักวิจัยบางกลุ่มกำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่อิงพฤติกรรมสัตว์ร่วมกับเซนเซอร์
การตรวจจับก๊าซเรดอนและสนามแม่เหล็กโลก
บางงานวิจัยพบว่าแผ่นดินไหวอาจทำให้ก๊าซเรดอนในดินเพิ่มขึ้น หรือมีการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กโลก
ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาเพื่อให้มีความแม่นยำมากขึ้น
-ข้อจำกัดของเทคโนโลยีปัจจุบัน
ยังไม่สามารถทำนาย วัน เวลา และสถานที่ ของแผ่นดินไหวล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ
ระบบ EEW สามารถแจ้งเตือนได้เพียงไม่กี่วินาทีก่อนการสั่นสะเทือนรุนแรง ซึ่งอาจไม่เพียงพอสำหรับทุกสถานการณ์
เทคโนโลยี AI และการศึกษาพฤติกรรมสัตว์ยังอยู่ในช่วงทดลอง
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีและแอปพลิเคชันหลายอย่างที่พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยในการตรวจจับและแจ้งเตือนแผ่นดินไหวล่วงหน้า แม้ว่าเราจะยังไม่สามารถพยากรณ์แผ่นดินไหวได้อย่างแม่นยำ แต่ระบบเหล่านี้สามารถแจ้งเตือนก่อนที่แรงสั่นสะเทือนหลักจะมาถึงได้ในระยะเวลาสั้น ๆ
แอปพลิเคชันแจ้งเตือนแผ่นดินไหว
Earthquake Network: แอปพลิเคชันนี้ใช้เซ็นเซอร์ในสมาร์ทโฟนเพื่อตรวจจับการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว และแจ้งเตือนผู้ใช้งานในพื้นที่ใกล้เคียงก่อนที่คลื่นไหวสะเทือนจะมาถึง
EarthquakeTMD: แอปพลิเคชันจากกองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา ที่รายงานแผ่นดินไหวทั่วโลกและแจ้งเตือนผ่านระบบ Notification บนมือถือ
MyShake: พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ แอปนี้ใช้ accelerometer ในโทรศัพท์เพื่อตรวจจับการสั่นสะเทือนและส่งคำเตือนล่วงหน้าเมื่อเกิดแผ่นดินไหวในบริเวณใกล้เคียงของผู้ใช้
ระบบแจ้งเตือนแผ่นดินไหวในสมาร์ทโฟน
Android Earthquake Alerts System: Google ได้พัฒนาระบบที่ใช้เซ็นเซอร์ในโทรศัพท์ Android เพื่อตรวจจับคลื่นปฐมภูมิ (P-wave) ของแผ่นดินไหว และแจ้งเตือนผู้ใช้ในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบก่อนที่คลื่นทุติยภูมิ (S-wave) จะมาถึง
การแจ้งเตือนฉุกเฉินบน iPhone: ผู้ใช้ iPhone สามารถรับการแจ้งเตือนฉุกเฉินจากรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงการแจ้งเตือนแผ่นดินไหว โดยสามารถเปิดใช้งานได้ในส่วนการตั้งค่าของอุปกรณ์
ข้อจำกัดของเทคโนโลยีปัจจุบัน
เวลาแจ้งเตือนที่จำกัด: ระบบแจ้งเตือนแผ่นดินไหวสามารถแจ้งเตือนได้เพียงไม่กี่วินาทีก่อนการสั่นสะเทือนรุนแรง ซึ่งอาจไม่เพียงพอสำหรับการอพยพหรือเตรียมตัวในบางสถานการณ์
ความแม่นยำในการพยากรณ์: แม้จะมีการพัฒนาเทคโนโลยี แต่ยังไม่มีระบบใดที่สามารถทำนายวัน เวลา และสถานที่ของแผ่นดินไหวล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ
อย่างไรก็ตาม การใช้แอปพลิเคชันและระบบแจ้งเตือนเหล่านี้สามารถช่วยเพิ่มความปลอดภัยและเตรียมความพร้อมเมื่อเกิดแผ่นดินไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ว้าวแน่นปึก. นักวาดรูปหริอวิศวะกันแน่
ตอบลบ