วันแรกที่ไปถึงโรงเรียน เราตกใจมาก





ตอนมัธยมต้น เราสอบไม่ติดโรงเรียนในเขตซึ่งเป็นโรงเรียนชื่อดังในย่านนั้น นั่นคือโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ตอนนั้นรู้สึกเสียใจอยู่ไม่น้อย แต่โชคชะตาก็พาเราไปสู่อีกทางหนึ่ง—โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ สาขาสุวินทวงศ์ ซึ่งเพิ่งเปิดใหม่ และเราได้เป็นนักเรียนรุ่นแรกของที่นั่น
เราจำได้ว่าวันแรกที่ไปถึงโรงเรียน เราตกใจมาก...เพราะหน้าตาโรงเรียนในตอนนั้นดูเหมือนเล้าไก่มากกว่าสถานศึกษาด้วยซ้ำ ห้องเรียนมีเพียง 4 ห้อง และสิ่งที่เห็นถัดจากนั้นคือทุ่งหญ้ากว้างสุดลูกหูลูกตา มีเพียงเสาธงตั้งอยู่โดดเดี่ยวหนึ่งต้น ดูเงียบเหงาและโล่งจนนึกว่าอยู่ในฉากละครพีเรียด รอบๆ โรงเรียนยังเป็นหมู่บ้าน เงียบสงบ เรียบง่าย และเต็มไปด้วยฝุ่นแดงในหน้าร้อน
อาคารเรียนที่เราใช้อยู่ในตอนนั้นเป็นอาคารชั่วคราว เพราะอาคารเรียนถาวรยังสร้างไม่เสร็จ พวกเราทั้งรุ่นเรียนกันไปท่ามกลางเสียงตอกเสาเข็มและกลิ่นปูนสด แต่เราก็ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความสดใหม่ของโรงเรียนและความสนิทสนมของเพื่อนๆ ทำให้ทุกวันกลายเป็นประสบการณ์พิเศษ
และที่น่าแปลกใจคือ...เราอยู่ไม่ถึงวันที่อาคารเรียนถาวรสร้างเสร็จ เราเรียนจบก่อนที่จะได้เห็นมันเปิดใช้อย่างเต็มรูปแบบ แต่ทุกครั้งที่เราผ่านไปที่โรงเรียนหรือได้ยินข่าวจากรุ่นน้อง โรงเรียนจะเปลี่ยนไปเสมอ—ดีขึ้น สวยขึ้น ใหญ่ขึ้น เหมือนเติบโตตามกาลเวลาและความฝันของคนที่เคยเป็นส่วนหนึ่ง
เพื่อนๆ ที่เราได้รู้จักต่างเป็นคนน่ารัก จริงใจ และมีความเป็น “ลูกทุ่ง” ที่อบอุ่นหัวใจมาก เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เรียน อย่างเช่น การหล่อเก้าอี้คอนกรีตเสริมเหล็ก และการทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนที่สนุกเกินคาด เราได้เข้าแข่งขันวาดภาพในโรงเรียน ผลัดกันแพ้ชนะกับเพื่อนอีกคนที่เป็นตัวเต็งเหมือนกัน ถึงแม้พอไปแข่งนอกโรงเรียนจะไม่ชนะ แต่เราก็ภูมิใจที่ได้พยายามเต็มที่
หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เราได้เป็นสมาชิกวงดุริยางค์ของโรงเรียน มันเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เรารู้จักการทำงานร่วมกับคนอื่น การฝึกฝน และความภาคภูมิใจในเสียงดนตรีที่เราสร้างขึ้นร่วมกัน
ทุกวันนี้เมื่อนึกย้อนกลับไป เรากล้าพูดได้เต็มปากว่า “โรงเรียนเล้าไก่” แห่งนั้น คือหนึ่งในช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของเราเลยจริงๆ

หลังจากจบมัธยมต้นจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ สาขาสุวินทวงศ์ เรารู้เลยว่าคงไม่สามารถเรียนต่อที่เดิมได้อีกแล้ว เพราะระยะทางจากบ้านไปโรงเรียนนั้นไกลมาก ถึงขั้นต้องนั่ง รถทัวร์ ไปกลับทุกวันจริงๆ สุวินทวงศ์อยู่ไกลจนเกือบถึงฉะเชิงเทรา ขณะที่บ้านเราอยู่คนละโลก (หรืออย่างน้อยก็รู้สึกแบบนั้นทุกเช้าตรู่)
ด้วยเหตุนี้ เราจึงตัดสินใจจะย้ายโรงเรียน ตอนนั้นวางแผนไว้อย่างดีว่าจะไปสอบเข้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เตรียมตัวอ่านหนังสือ ฝึกข้อสอบต่างๆ อย่างเต็มที่
แล้วอยู่ๆ ก็เกิดเรื่องแปลกขึ้น…
วันหนึ่ง คุณย่าของเราเก็บ พระเกี้ยว ได้บนถนนกลางทางกลับบ้าน พระเกี้ยวที่เป็นสัญลักษณ์ของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา — มันเหมือนเป็นสัญญาณจากฟ้า เหมือนจะบอกเราว่า “ใช่เลย ที่นี่คือที่ของเธอ”
เราตื่นเต้นมาก เหมือนจักรวาลกำลังส่งสัญญาณ แต่สุดท้าย...เราก็ไม่ได้ไปสอบเตรียมอุดมศึกษา
เพราะว่าเราติดโควต้าพอดี!
เราได้เข้าเรียนที่ โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า ในห้องคิง ซึ่งเป็นโปรแกรมพิเศษที่เรียนจบภายใน 2 ปีครึ่ง
ตอนแรกเราคิดว่า อาจจะเบาๆ ชิลๆ แบบเด็กโปรแกรมพิเศษทั่วไป
แต่ความจริงตรงกันข้าม โปรแกรมนี้ หฤโหดมาก ต้องเรียนรหัสควบ คล้ายกับเรียนเลขสองรหัสวิชาในเทอมเดียว และไม่ใช่แค่เลขนะฟิสิกส์เคมีชีวะ บางวันเรารู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในเกมฝึกสมองที่ไม่มีปุ่มเซฟไว้ แต่ทำให้เราเหลือเวลาครึ่งปีในการเตรียมตัว entrance คุ้มค่าที่สุด
และในช่วงนั้น เราก็ติดเกมอย่างหนัก (ถึงขั้นรู้จักเพื่อนผ่านกิลด์ก่อนห้องเรียน) ชีวิตเต็มไปด้วยการแบ่งเวลาระหว่างเลเวลตัวละครกับเลเวลของสมองในห้องเรียน
โชคดีที่เราผ่านมาได้ และที่สำคัญ—GPA ยังรอด
แม้ปีนั้นเกณฑ์การรับเข้ามหาวิทยาลัยจะให้ความสำคัญกับคะแนนสอบมากกว่า แต่ GPA ก็ยังมีน้ำหนักอยู่ และมันก็ช่วยเราได้ไม่น้อย
บางทีเราอาจไม่ได้ไปถึงเตรียมอุดมศึกษาในฝันตอนต้นทาง
แต่เส้นทางที่เราเลือกเดิน—แม้จะเต็มไปด้วยรหัสควบ ดราม่าในเกม และตารางเรียนแน่นจนไม่มีที่ว่างให้หายใจ—กลับกลายเป็นหนึ่งในบทเรียนที่มีค่าที่สุดในชีวิต
และเราก็รู้สึกขอบคุณตัวเองในวันนั้น ที่ยังเดินต่อ...แม้จะง่วงอยู่บนรถทัวร์ทุกวันก็ตาม

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม