กูจะพูดตรงๆ — พวกมึงเปิดกล่องแพนโดร่าไปแล้ว
กูจะพูดตรงๆ — พวกมึงเปิดกล่องแพนโดร่าไปแล้ว
โลกที่ไม่มี AI แม่งไม่กลับมาอีกแล้ว มึงจะดิ้นยังไง โลกก็เดินหน้า
จะเรียกร้องจะรณรงค์จะห้ามอะไรสักอย่าง
ในขณะที่มึงเปิดแอป Midjourney ใช้ ChatGPT หาไอเดีย
pinterest แม่งก็ AI เต็มพรืด
Prompt ก็นั่งพิมพ์กันทุกวัน ใน Clipstudio ยังมี ai ด้วยซ้ำ
มึงใช้ ai ทางใดทางหนึ่ง
แต่มึงพูดพร้อมกันว่า “AI แย่งงานศิลปิน” ...งงนะมึง
มึงรู้มั้ย?
ทุกคนที่ใช้ AI ไปแล้ว คือคนที่เปิด Pandora’s Box กันทั้งนั้น
และมึงก็เห็นแล้วใช่มั้ยว่า
ข้างในกล่องนั้นมีทั้ง "ความกลัว" และ "โอกาส" ปนกันอยู่
แต่ที่แน่ๆ คือ
โลกแม่งไม่ใช่โลกเดิมอีกต่อไปแล้ว
จะให้กูเปรียบง่ายๆ ก็เหมือนยุคก่อนมีอินเตอร์เน็ตกับหลังมีอินเตอร์เน็ต
ก่อนมีอินเตอร์เน็ต มึงส่งแฟกซ์ โทรบ้าน รอจดหมาย
หลังมีอินเตอร์เน็ต มึงสไลด์นิ้วหาข้อมูลได้ใน 0.1 วินาที
ใครที่ยังดื้อไม่ยอมเรียนรู้ตอนนั้น ก็ตกขบวนไปเงียบๆ
แล้วตอนนี้ AI มันก็เหมือนกันเป๊ะ
ไม่ว่ามึงจะชอบหรือไม่
โลกที่ไม่มี AI มันไม่มีทางกลับไปได้อีกแล้ว
จะมีก็แต่โลกที่ ใครเรียนรู้เร็วกว่า ใครใช้มันได้คล่องกว่า
คนนั้นแม่ง “อยู่รอด”
เพราะยุคนี้มันไม่ใช่ "เอาชนะ AI"
แต่มันคือ "เอา AI มาเป็นพวกมึงให้เร็วที่สุด"
และศิลปินอย่างมึงก็ไม่มีข้อยกเว้น
ถ้ามึงยังคิดว่าศิลปินต้อง “ขีดเองเท่านั้นถึงจะมีค่า”
กูก็ขอถามหน่อย—
แล้วคนที่วาดด้วยปากกาแท้ๆ แต่คิดไม่ออกซักอย่างล่ะ?
กับคนที่ใช้ AI เป็นแค่เครื่องมือ แล้วดึงมันไปสร้างงานที่โคตรลึก โคตรคิด โคตรเฉียบ—
ใครกันแน่ที่เป็นศิลปินของจริง
ไม่ใช่เครื่องมือที่บอกว่ามึงมี “ศิลปะ” หรือเปล่า
แต่เป็น ความคิดของมึง ที่บอกว่ามึงกำลังสร้าง "ศิลปะ" หรือแค่ก๊อปอะไรซ้ำๆ
กูบอกเลยตรงนี้
ถ้ามึงอยากรอด อย่าหนีมัน แต่ให้มึงเริ่มศึกษาแม่งซะตั้งแต่วันนี้
เรียนรู้มัน เข้าใจมัน ใช้ประโยชน์จากมัน
แล้ววันนึง มึงจะรู้ว่า AI ไม่ได้มาแย่งอะไรจากมึงเลย — มันแค่มาท้าทายว่า มึงแน่พอรึเปล่า
โลกใหม่มันมาแล้ว
ต่อให้มึงไม่พร้อม มันก็พร้อมจะไปต่อโดยไม่มีมึงเสมอ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น