Eros เทพเจ้าแห่งความรักกับ Psyche ความรักของเขา







Eros เทพเจ้าแห่งความรัก
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วในโลกของเทพเจ้ากรีก มีเทพองค์หนึ่งที่มีพลังอำนาจมหาศาล ไม่ใช่พลังที่ใช้ต่อสู้ ไม่ใช่พลังที่ใช้ทำลายล้าง แต่เป็นพลังที่สามารถทำให้หัวใจของเทพเจ้าและมนุษย์สั่นไหวได้ด้วยศรเพียงดอกเดียว...
เทพองค์นี้มีนามว่า Eros (อ่านว่า เอ-รอส) หรือที่คนโรมันรู้จักกันในชื่อ Cupid นั่นเอง
Eros เป็นเทพเจ้าแห่งความรัก ความเสน่หา และแรงปรารถนา บ้างก็ว่าเป็นบุตรของเทพี Aphrodite (เทพีแห่งความงาม) กับเทพ Ares (เทพแห่งสงคราม) แต่บางตำนานก็บอกว่า Eros เกิดมาก่อนเทพทั้งมวล เป็นพลังแห่งจักรวาลดั้งเดิมที่ทำให้สิ่งต่าง ๆ มีแรงดึงดูดต่อกัน
Eros เป็นชายหนุ่มรูปงาม (ในบางภาพก็เป็นเด็กน้อยปีกเล็กน่ารัก) เขามีธนูและลูกศรวิเศษ 2 แบบ —
ลูกศรทองคำ ทำให้คนที่โดนยิงตกหลุมรักหัวปักหัวปำ
ลูกศรตะกั่ว ทำให้คนที่โดนยิงเกิดความรังเกียจทันที
เขาเคยก่อเรื่องปั่นป่วนในหมู่เทพและมนุษย์มากมาย เพราะเล่นแกล้งยิงลูกศรให้คนรักกันมั่วไปหมด บางทีก็ยิงเทพเจ้าผิดองค์ บางครั้งก็ทำให้คนรักกันทั้งที่ไม่ควรจะรัก
แต่เรื่องที่โด่งดังที่สุดของเขาคือความรักระหว่าง Eros และ Psyche (ไซคี)
ไซคีเป็นหญิงสาวมนุษย์ที่งามจนเทพ Aphrodite ยังอิจฉา Aphrodite เลยสั่งให้ Eros ไปยิงศรใส่ไซคีให้เธอไปรักคนที่น่าเกลียดที่สุด แต่พอ Eros เห็นไซคีเท่านั้นแหละ... เขากลับตกหลุมรักเธอเสียเอง!
เขาพาไซคีไปอยู่ในปราสาทลับแสนงดงาม แต่มีเงื่อนไขว่าเธอห้ามเห็นหน้าเขาเด็ดขาด เขาจะมาหาเธอเฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น...
แต่แล้วไซคีก็ทำผิดคำสั่ง เธอแอบดูหน้าเขาตอนกลางคืนเพราะสงสัยว่าเขาคือปีศาจหรือเปล่า และนั่นทำให้ทุกอย่างพังทลายลง
Eros หายตัวไปด้วยความเสียใจ ส่วนไซคีก็ออกเดินทางฝ่าฟันภารกิจยากลำบากมากมายเพื่อพิสูจน์ความรักของเธอ ในที่สุดเธอก็ผ่านด่านทั้งหมด และเทพเจ้าโอลิมปัสก็ยอมรับเธอเป็นเทพี ทำให้เธอได้อยู่กับ Eros ตลอดไป

ต่อไปนี้คือการเล่าเรื่อง เอรอสกับไซคี ที่ตรงตามตำนานดั้งเดิมจากงาน Metamorphoses ของอาพูเลียส (Apuleius) นักเขียนชาวโรมันในศตวรรษที่ 2 พร้อมอธิบายเหตุผลและแรงจูงใจของตัวละครอย่างชัดเจน:
เรื่องของเอรอสกับไซคี

ไซคี (Psyche) เป็นเจ้าหญิงมนุษย์ผู้มีรูปโฉมงดงามเกินมนุษย์ธรรมดา งดงามจนผู้คนเริ่มหันไปบูชาเธอแทนเทพีอโฟรไดท์ (Aphrodite) เทพีแห่งความรักและความงาม เทพีอโฟรไดท์โกรธมาก เพราะมองว่านี่คือการแย่งชิงเกียรติจากตน จึงส่งลูกชายคือ เอรอส (Eros) เทพแห่งความรัก ไปทำให้ไซคีตกหลุมรักกับชายที่ต่ำต้อยและน่าเกลียดที่สุดเท่าที่จะหาได้
จุดหักมุม
เมื่อเอรอสไปพบไซคี เขาเผลอทิ่มศรของตัวเองและตกหลุมรักเธอทันที เขาจึงไม่สามารถทำตามคำสั่งของมารดาได้ เอรอสจึงวางแผนลับเพื่อให้ได้อยู่กับไซคี โดยสั่งเทพแห่งลมตะวันตก (Zephyrus) ให้พาเธอไปยังวังลับที่แสนงดงาม และใช้ชีวิตอยู่กับเธอโดยไม่เปิดเผยตัวตนจริง — ทุกคืนเขาจะมาเยือนเธอในความมืด และขอเงื่อนไขว่าเธอห้ามพยายามมองเห็นหน้าของเขา
ไซคียอมรับเงื่อนไข เพราะเธอรักเขาโดยไม่รู้ว่าเขาคือใคร
ความอยากรู้ + ความกลัว
เมื่อไซคีกลับไปเยี่ยมครอบครัว พี่สาวสองคนของเธอที่อิจฉาความหรูหราที่เธอได้รับจาก "สามีลึกลับ" ก็ปลุกปั่นเธอให้เกิดความกลัวว่าบางทีสามีของเธออาจเป็นอสูรร้าย ไซคีจึงแอบจุดตะเกียงดูหน้าเอรอสในยามหลับ และพบว่าเขางดงามยิ่งกว่ามนุษย์ใด แต่หยดน้ำมันจากตะเกียงเผลอตกลงบนร่างของเขา ทำให้เขาตื่นและเสียใจที่เธอไม่รักษาคำสัญญา เขาจึงหนีไป
การพิสูจน์รักแท้
ไซคีเสียใจมาก และออกเดินทางเพื่อขอการให้อภัยจากอโฟรไดท์โดยตรง เทพีอโฟรไดท์ใช้เธอเป็นเครื่องมือแก้แค้น โดยสั่งให้ไซคีทำงานยากเกินมนุษย์ถึง 4 ภารกิจ เช่น แยกเมล็ดพืชนับพันเมล็ดในคืนเดียว ไปเอาขนแกะทองคำ และสุดท้ายต้องลงไปในยมโลกเพื่อขอกล่องความงามจากเทพีเพอร์เซโฟนี
ไซคีทำสำเร็จทุกภารกิจด้วยความช่วยเหลือจากสัตว์ เทพ และธรรมชาติที่เห็นใจเธอ และแม้เธอจะล้มเหลวในการอดใจไม่เปิดกล่องสุดท้าย (ทำให้เธอสลบ) แต่เอรอสก็กลับมาช่วยเธออีกครั้ง
ตอนจบแห่งรัก
เอรอสบินไปขอร้องเทพซูส (Zeus) ให้ช่วยเหลือ ซูสเห็นว่าเป็นความรักบริสุทธิ์ จึงอนุญาตให้ไซคีดื่มน้ำอมฤต (ambrosia) กลายเป็นเทพธิดา และแต่งงานกับเอรอสอย่างเป็นทางการในโอลิมปัส ทั้งคู่มีลูกสาวชื่อว่า เฮดูเน่ (Hedone) ซึ่งเป็นตัวแทนแห่งความสุขสม (ในภาษากรีก "เฮดูเน่" แปลว่า ความสุขจากความรู้สึก)
การตีความ (เชิงสัญลักษณ์)
ไซคี (Psyche) หมายถึง "จิตวิญญาณ" หรือ "จิตใจ"
เอรอส (Eros) หมายถึง "ความรัก"
ตำนานจึงเปรียบเหมือนการเดินทางของจิตวิญญาณที่ต้องผ่านบททดสอบและความเจ็บปวด ก่อนจะรวมเข้ากับความรักแท้

เทพ เอรอส (Eros) หรือในเวอร์ชันโรมันคือ คิวปิด (Cupid) เป็นเทพแห่งความรักและแรงปรารถนาในเทพปกรณัมกรีก มีพลังพิเศษที่เกี่ยวข้องกับจิตใจ ความรัก และความรู้สึกของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ทั้งมนุษย์และเทพเจ้าเองยังไม่อาจต้านทานได้


พลังของเทพเอรอส
1. ศรรัก
พลังประจำตัวที่โด่งดังที่สุดของเอรอสคือ ธนูและศรรัก
เขามีลูกศร 2 แบบ:
ศรทองคำ (Golden Arrow): ทำให้ผู้ถูกยิงตกหลุมรักคนแรกที่เห็นทันที
ศรตะกั่ว (Lead Arrow): ทำให้เกิดความรังเกียจหรือไม่สนใจคนแรกที่เห็น
เอรอสสามารถควบคุมโชคชะตาแห่งความรักได้ด้วยอาวุธนี้ ทั้งสร้างรักแท้ รักหลง รักผิด หรือแม้แต่ความทุกข์จากความรัก
2. การควบคุมความปรารถนา
เอรอสเป็นเทพที่มีอำนาจในการปลุกหรือสงบ “แรงปรารถนา (desire)” ซึ่งเป็นพลังพื้นฐานของมนุษย์และเทพ
พลังของเขาไม่จำกัดแค่ความรักโรแมนติก แต่รวมถึงแรงขับทางอารมณ์ เช่น ความหลงใหล ความใคร่ ความอ่อนโยน
3. เสน่ห์ที่ไร้ขอบเขต
แม้จะมักถูกวาดเป็นเทพหนุ่มหน้าตาดีหรือเด็กน้อยมีปีก แต่พลังของเขาไม่ขึ้นกับรูปลักษณ์
เสน่ห์ของเอรอสคือ “อำนาจลวงใจ” ซึ่งสามารถทำให้แม้แต่เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ เช่น อาเรส (Ares) หรือแม้แต่เทพซูส (Zeus) เองยังเคยตกอยู่ใต้อิทธิพลของเขา
4. อิทธิพลต่อโชคชะตา
เอรอสอาจดูเหมือนไม่ได้เป็นเทพสูงสุด แต่พลังของเขา “แทรกซึม” ได้ทุกระดับของจักรวาล — ความรักเป็นพลังที่ขับเคลื่อนเทพ เทพี มนุษย์ และแม้แต่ธรรมชาติ
พลังเชิงสัญลักษณ์
ในปรัชญากรีก-เพลโต (Plato) มองเอรอสเป็นมากกว่าความรักทางกายภาพ:
เขาคือ “แรงขับของจิตวิญญาณ” ที่มุ่งไปสู่ ความดี ความงาม และความจริง
เป็นพลังที่ผลักดันมนุษย์ให้ “แสวงหา” บางสิ่งที่สูงกว่าตัวเอง เช่น ศิลปะ ปรัชญา หรือแม้แต่การตรัสรู้


"เอรอสยุคดึกดำบรรพ์" (Primordial Eros)

ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ ลึกซึ้งและลี้ลับกว่ามาก — ไม่ใช่แค่เทพน้อยแผลงศรให้คนตกหลุมรัก แต่เป็น พลังแห่งจักรวาล ที่ทำให้สิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นได้ตั้งแต่แรกเริ่ม!
-เอรอสยุคดึกดำบรรพ์ (Primordial Eros)
-แหล่งอ้างอิงหลัก: เทวนิยาย Theogony ของ เฮซิออด (Hesiod)
หนึ่งในบทกวีที่เก่าแก่ที่สุดของกรีก
ในตอนต้นของจักรวาล ก่อนจะมีเทพใด ๆ เกิดขึ้น มีแค่:
เคออส (Chaos) – ความว่างเปล่าไร้รูปร่าง
ไกอา (Gaia) – โลก/ผืนแผ่นดิน
ทาร์ทารัส (Tartarus) – บาดาลลึก
เอรอส (Eros) – พลังแห่งแรงดึงดูดและการสืบพันธุ์
พลังของเอรอสในยุคนี้
1. พลังสร้างจักรวาล (Cosmic Generative Force)
เอรอสไม่ใช่แค่ทำให้ใครรักใคร — แต่ทำให้สรรพสิ่งมี “แรงดึงดูด” เข้าหากัน จึงเกิดการผสมพันธุ์ การให้กำเนิด และความต่อเนื่องของชีวิต
เขาคือ "แรงแม่เหล็ก" แห่งจักรวาล ทำให้สิ่งตรงข้ามรวมกัน:
ชายกับหญิง, แสงกับความมืด, โลกกับท้องฟ้า
ไม่มีเอรอส = ไม่มีการเกิด = ไม่มีเทพเจ้า ไม่มีจักรวาล
2. เป็นพลังแห่งความปรารถนาในตัวธรรมชาติ
ธรรมชาติไม่ใช่สิ่งเฉื่อยชา แต่มีความปรารถนาแฝงอยู่ — นั่นคือ เอรอส
พลังของเขาไม่ได้แสดงออกแบบมองเห็นได้เหมือนศร แต่คือ แรงลี้ลับในทุกสิ่ง
เช่น เหตุใดไฟลุกขึ้น? เหตุใดแม่น้ำไหล? เหตุใดมนุษย์ค้นหาใครบางคน?
3. อำนาจไร้รูปร่าง
เอรอสยุคดึกดำบรรพ์ไม่มีรูปลักษณ์ ไม่ใช่เด็กน้อยมีปีก
แต่คือ พลังงานดิบ — เหมือน “ชีพจร” แรกของจักรวาล
ตีความแบบปรัชญา-จิตวิญญาณ
เอรอสยุคดึกดำบรรพ์ = แรงขับเคลื่อนในจิตใจมนุษย์ที่แสวงหาการรวมกันกับสิ่งที่ขาดหายไป
นักปรัชญาเช่นเพลโต (Plato) มองว่า:
เอรอสคือ "ความปรารถนาที่ไม่มีที่สิ้นสุด"
เราทุกคนมีเอรอสในตัว — ไม่ใช่แค่ความรักทางกาย แต่คือความอยากเข้าถึง “ความสมบูรณ์”
เช่น การอยากรู้ความจริง อยากเข้าใจตนเอง อยากเชื่อมกับจักรวาล



ความสัมพันธ์ระหว่าง "เอรอส" (Eros) กับ "กวาง" ไม่ได้มีการกล่าวถึงโดยตรงในตำนานกรีกคลาสสิกอย่างชัดเจน แต่สามารถตีความในเชิงสัญลักษณ์ได้ โดยอิงจากบทบาทของเอรอสในฐานะเทพแห่งความรักและความปรารถนา และสัญลักษณ์ของ "กวาง" ในหลายวัฒนธรรม รวมถึงกรีก
1. เอรอส (Eros) คือใคร
เทพเจ้าแห่งความรัก ความใคร่ และความปรารถนาในเทพปกรณัมกรีก
ลูกของเทพีอโฟรไดที (Aphrodite) เทพีแห่งความงาม
มักถูกพรรณนาเป็นชายหนุ่มมีปีก ถือธนูและลูกศร ซึ่งเมื่อยิงใคร คนผู้นั้นจะตกหลุมรัก
2. กวางในความหมายสัญลักษณ์
กวางเป็นสัตว์ที่มีความงาม อ่อนโยน และบางครั้งสื่อถึงความบริสุทธิ์
กวางยังถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของการหลบหนี ความยั่วยวน หรือสิ่งที่จับต้องไม่ได้
ในตำนานของเทพีอาร์เทมิส (Artemis) กวางเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ และเธอมักจะแปลงร่างเป็นกวางหรืออยู่กับฝูงกวาง
3. ตีความเชิงสัญลักษณ์: เอรอสและกวาง
หากมอง "กวาง" เป็นตัวแทนของ "ความรักที่บริสุทธิ์ ยากจะคว้าไว้" เอรอสอาจเป็นตัวแทนของแรงปรารถนาที่ไล่ตามสิ่งนั้น
กวางอาจสื่อถึงเป้าหมายที่เอรอสต้องการให้มนุษย์หลงใหล ตกหลุมรัก หรือไล่ตาม แม้จะจับต้องไม่ได้
อีกด้านหนึ่ง กวางอาจเป็นผู้ที่โดนเอรอสยิงลูกศร ทำให้หลงใหลในรัก และหนีจากความจริงหรือความทุกข์แห่งรัก

คำว่า "psyche" และ "psychology" มีความเกี่ยวข้องกันทางรากศัพท์อย่างลึกซึ้ง และนั่นคือเหตุผลที่ชื่อของ Psyche (จากเทพปกรณัมกรีก) มีความพ้องหรือสอดคล้องกับคำว่า psychology ในภาษาอังกฤษ
คำอธิบายทางภาษาศาสตร์และประวัติศาสตร์:
1. รากศัพท์จากภาษากรีก:
คำว่า "psyche" (ψυχή) ในภาษากรีกโบราณ แปลว่า “จิตวิญญาณ” หรือ “ลมหายใจแห่งชีวิต” (soul หรือ breath of life)
คำว่า "psychology" มาจากการรวมของคำสองคำในภาษากรีก:
"psyche" (ψυχή) = จิตใจ, วิญญาณ
"logos" (λόγος) = การศึกษา, เหตุผล, คำพูด
ดังนั้น "psychology" = การศึกษาเกี่ยวกับจิตใจ/จิตวิญญาณ
2. Psyche ในเทพปกรณัมกรีก:
Psyche เป็นตัวละครหญิงในเทพปกรณัมกรีก ซึ่งเป็นมนุษย์สาวที่สวยงามมากจนเทพีวีนัส(Aprodite)ริษยา เธอเป็นตัวแทนของ จิตใจและจิตวิญญาณ ที่ต้องผ่านการทดสอบและเรียนรู้เพื่อจะได้ครองรักกับ Eros เทพแห่งความรัก
เรื่องราวของเธอมักถูกตีความว่าเป็นการเดินทางของ “จิตใจ” เพื่อเข้าใจความรัก และการหลอมรวมระหว่างความรู้สึกกับจิตวิญญาณ
สรุป:
ชื่อของ Psyche และคำว่า psychology พ้องกันเพราะทั้งคู่มีรากมาจากคำกรีกโบราณเดียวกันคือ ψυχή (psyche) ซึ่งหมายถึง "จิตใจ" หรือ "จิตวิญญาณ" นั่นเอง

ตำนานของ Psyche: เส้นทางของจิตวิญญาณ

1. Psyche = จิตใจ/จิตวิญญาณ

ในเทพปกรณัมกรีก Psyche เป็นหญิงสาวมนุษย์ที่งดงามมากจนได้รับการสักการะเหมือนเทพีวีนัส ทำให้วีนัสอิจฉาและสั่งให้ลูกชายคือ Eros ทำให้เธอตกหลุมรักสิ่งอัปลักษณ์ แต่กลับกลายเป็นว่า Eros ตกหลุมรัก Psyche แทน

💬 ตีความ: การเริ่มต้นของ “จิตใจ” คือความไม่รู้ ความหลงใหลในความงามภายนอก และการถูกโลกภายนอกทดสอบ


2. การแต่งงานกับเทพที่มองไม่เห็นหน้า

Psyche ถูกนำไปอยู่ในวังลึกลับและแต่งงานกับชายที่เธอมองไม่เห็น (คือ Eros) โดยมีข้อห้ามว่าห้ามมองหน้าสามี เธออยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขจนกระทั่งเธอแอบจุดตะเกียงมองหน้าเขา และทำให้ทุกอย่างพังทลาย

💬 ตีความ: การแสวงหาความรู้ (ความอยากรู้) เป็นคุณสมบัติของจิตใจ แต่หากยังไม่พร้อม ก็อาจทำลายสิ่งงดงามที่มีอยู่


3. บททดสอบทั้ง 4 จากวีนัส

เพื่อพิสูจน์ความรัก Psyche ต้องผ่านบททดสอบจากเทพีวีนัส ซึ่งแต่ละบททดสอบมีลักษณะเกินกำลังมนุษย์ เช่น คัดเมล็ดพันธุ์หลายพันชนิดภายในคืนเดียว, ไปเก็บขนแกะทองคำ, เดินทางไปยมโลกเพื่อขอความงามจากเทพีเพอร์เซโฟนี

💬 ตีความ: จิตใจของมนุษย์จะเติบโตได้ก็ต่อเมื่อผ่านความทุกข์ยาก บททดสอบเหล่านี้คือกระบวนการ "กลั่นกรองจิตใจ" ให้บริสุทธิ์และมีความรักที่แท้จริง


4. ความตายและการฟื้นคืน

ในการเดินทางไปยมโลก Psycheเปิดกล่องของเพอร์เซโฟนี (ที่วีนัสสั่งห้ามเปิด) แล้วสลบไปเหมือนตาย Eros จึงมาช่วยเธอ จากนั้นเทพซุสได้ยอมให้ Psyche กลายเป็นเทพเจ้าอย่างเป็นทางการ เพื่อให้เธออยู่กับ Eros ตลอดไป

💬 ตีความ: เมื่อจิตใจผ่านความเจ็บปวดและทดสอบสุดท้ายแล้ว จะเกิดการ “ฟื้นคืน” และ “ตรัสรู้” ถึงความรักอันบริสุทธิ์ — เป็นการหลอมรวมระหว่าง Eros (ความรัก) และ Psyche (จิตใจ)

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม