กูเลื่อนฟีด YouTube อยู่ดีๆ ก็ไปสะดุดอะไรบางอย่างเข้า

กูเลื่อนฟีด YouTube อยู่ดีๆ ก็ไปสะดุดอะไรบางอย่างเข้า



ไม่ใช่คลิปดราม่า ไม่ใช่ ASMR จามใส่ไมค์ ไม่ใช่ Vlog กินชาบู

แต่เป็นโพสต์ Community หน้าตาเฉยของ “ภูผา” — พ่อหนุ่ม AI Engineer ที่จบ First Class จาก Cambridge 

ภาพที่เขาโพสต์ไม่ใช่อะไรหรอก
ก็แค่ “รูปตัวเองตอนรับปริญญา”
แต่ที่เด็ดคือ มีเวอร์ชัน The Simpsons กับเวอร์ชัน Ghibli แถมมาด้วย

งานโคตรเนียน
เนียนแบบไม่ต้องเดา
รู้เลยว่าไม่ได้เจนมั่ว เจนแบบ prompt precise
ไม่มีโลโก้ Netflix
ไม่มีคำว่า “Official art”
ไม่มีป้ายเชิงพาณิชย์
มีแต่คำว่า “ขำๆ” ประดับอยู่ในบรรยากาศ

แต่โลกนี้มันไม่มีแค่คนขำ

เพราะทันทีที่ภาพนั้นแพร่สะพัด
กลุ่ม AI Police™ ก็เข้าสู่สนามรบ
พร้อมบัตรประชาชน 9 ใบกับพรบ.ลิขสิทธิ์ปึกเท่าหัวเด็ก

“เฮ้! สตูดิโอจิบลิไม่ได้อนุญาตให้ใช้สไตล์นี้นะ!”
“นี่คุณละเมิดลิขสิทธิ์ชัดเจน!”
“คุณกำลังทำให้ศิลปินตัวจริงโดนลดคุณค่า!”

ประโยคที่พูดด้วยความห่วงใยโลกศิลปะ
แต่บางทีก็เหมือนเอาปืนใหญ่ไปยิงมด

มึงลองคิดดูดีๆ ก่อนว่าภาพนี้มันไปเหยียบตาปลาของใคร
ภาพนั้นคือภาพ “ภูผา” เอง
เขาเอาหน้าตัวเองมาเจนใส่ฟิลเตอร์สไตล์ Ghibli
ไม่ได้ไปเจนให้ Totoro ถือปริญญาแทน
ไม่ได้เขียนว่า “Art by Hayao Miyazaki”
ไม่มีการแอบอ้าง
ไม่มีการขาย
ไม่มีการใช้เชิงพาณิชย์

แล้วใครเสียหาย?

สตูดิโอ Ghibli รู้ไหม?
ไม่รู้
สนไหม?
ก็ไม่น่าจะสน
หรือถ้าสน ก็ยังไม่มีฟ้อง

แต่เสียงที่ดังที่สุดกลับไม่ใช่เจ้าของสิทธิ์
กลายเป็นเสียงของคนที่ อินกับความถูกต้องจนลืมอ่านบริบท

นี่คือโลกที่ meme ขำๆ จะถูกลากเข้าศาลได้ถ้าเจนผิดสไตล์

และสิ่งที่กูชอบที่สุดคือ “ภูผาไม่พูดอะไรเลย”
เขาไม่ลบโพสต์ ไม่ตอบ ไม่ชี้แจง ไม่เถียง
แค่ปล่อยให้โพสต์นั้นอยู่เงียบๆ เหมือนกำลังฝึกวิชานินจาบนภูเขาไฟ

นิ่งแบบ...ถ้านี่คือสนามรบ
เขาคือคนที่นั่งสมาธิบนหัวระเบิดนิวเคลียร์
ระดับเซียน

ย้อนกลับไปดูคลิปสอนเก่าของเขา
เคยพูดไว้ว่า:

“งานบางอย่าง ไม่สำคัญ และไม่ด่วน ก็ไม่ต้องทำ”

นี่ไง...ของจริงแม่งใช้หลักนี้กับชีวิต
ไม่ใช่แค่กับ Task Manager

และตรงนี้แหละที่กูอยากให้มึงเรียนรู้

เพราะการดราม่าเรื่อง “ลิขสิทธิ์ AI” มันมีหลายเลเยอร์
ใช่—ลิขสิทธิ์มีจริง ศิลปินควรถูกปกป้อง
แต่การใช้ “สไตล์” หรือ “inspiration” ในงานที่ไม่ได้ขาย ไม่ได้แอบอ้าง ไม่ได้ทำร้ายใคร
มันยังอยู่ใน gray zone ที่โลกกฎหมายก็ยังถกกันไม่จบ

เพราะ “สไตล์” ยังไม่ใช่ทรัพย์สินที่มีทะเบียน
และ “AI” ยังไม่ใช่คนที่มีเจตนาละเมิด
คนใช้ AI ก็มีทั้งคนที่เจนเพื่อขาย กับคนที่เจนเพื่อลอง เพื่อต่อยอด เพื่อขำ

ทั้งหมดนี้มันอยู่ที่ “เจตนา” และ “ผลกระทบ”

เพราะงั้นก่อนที่มึงจะเปิดโหมดอัยการศาลโลก
ขอให้ถามตัวเองว่า…

  • งานนี้ไปละเมิดจริงมั้ย?

  • ศิลปินต้นทางเสียหายยังไง?

  • เจ้าของสิทธิ์เขาพูดอะไรหรือยัง?

  • หรือมึงแค่รู้สึกว่า “มันไม่ควร” เพราะอารมณ์ส่วนตัว?

มึงมีสิทธิ์ตั้งคำถาม
แต่มึงไม่มีสิทธิ์เอาความรู้สึกของตัวเองไปบังคับคนอื่น

เพราะบางที…ภาพที่มึงเห็นแค่ meme ขำๆ
อาจกำลังบอกอะไรบางอย่างลึกซึ้งกว่าคอมเมนต์ดราม่ายาว 3 ย่อหน้า

โลกมันไม่ต้องจริงทุกพิกเซล
แต่อย่าเอา fake กับ fun มาโยนรวมในตะกร้าเดียวกัน

สุดท้ายนี้…
ถ้ามึงจะดราม่าเรื่อง AI
ขอให้แน่ใจว่ามัน สำคัญ และด่วน
ไม่งั้น…มึงจะดูว่างจัด
และดูไม่มีอะไรทำยิ่งกว่า AI ที่นั่ง idle อยู่ใน server

จำไว้นะมึง
บางทีคนที่นิ่งที่สุด ไม่ใช่เพราะเขาไม่รู้
แต่เพราะเขารู้ว่า “เสียงบางเสียงไม่ต้องตอบ มันก็จะเงียบไปเอง”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม