เอาจริง Adobe ไม่ได้แพง แต่แพ้ทาง

เอาจริง Adobe ไม่ได้แพง แต่แพ้ทาง



ช่วงหลังๆ เห็นคนพูดเรื่อง Adobe เยอะมาก ทั้งบ่น ทั้งเซ็ง ทั้งแซะเรื่องรายเดือน

แต่เราว่าประเด็นจริงๆ มันไม่ใช่เรื่อง “ต้องจ่ายรายเดือน” หรอก

เพราะเอาจริง แอปอย่าง Canva หรือ Notion หรือแม้แต่ Spotify เอง คนก็สมัครรายเดือนกันเป็นเรื่องปกติ

ไม่มีใครบ่นเท่าไหร่ด้วยซ้ำ — เพราะมัน “คุ้ม” กับความรู้สึก


ปัญหาจริงๆ ของ Adobe มันคือ...

คนไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าของแม้จะจ่ายทุกเดือน

เหมือนมีแฟนที่อยู่ด้วยกันทุกวัน แต่ยังรู้สึกว่า “มึงเข้าใจยากว่ะ”


ลองคิดดูง่ายๆ — เวลาเราเข้า Canva

มันเหมือนเดินเข้าร้านกาแฟที่มีทุกอย่างวางเรียงตรงหน้า

อยากได้โปสเตอร์? คลิก

อยากใส่รูป ใส่ text? ลากวาง

อยากจบงานไวๆ ส่งลูกค้า? ได้เลยใน 5 นาที

UI มันเหมือนพูดภาษาคนธรรมดา ไม่ใช่ภาษาวิศวกรจากนาซ่า


ในขณะที่ Adobe น่ะเหรอ...

คือเดินเข้าห้องแล็บที่ทุกอย่างคืออาวุธระดับมืออาชีพ

แต่ถ้าไม่เคยฝึก ก็เปิดหน้าต่างใหม่ยังไม่รู้ว่าต้องคลิกตรงไหน

แถมบางทีแค่จะ save ไฟล์ มันยังดูเครียดกว่าการตัดสินใจซื้อบ้าน


สิ่งที่ Adobe ทำได้ดี คือมัน "เก่งมาก"

คือเทพในระดับที่คนทำงานจริงต้องใช้ —

เราพูดแบบไม่อวยเลยว่า ถ้าใครทำสายเวกเตอร์แบบจริงจัง Illustrator ไม่มีใครแทนได้

งานพิมพ์ งานเลย์เอาท์ งานซีเรียสใดๆ Premiere, After Effects, InDesign มันยังแน่นอยู่


แต่มันก็เหมือนเชฟระดับมิชลิน

ถ้าใครไม่เคยจับตะหลิวเลย ก็จะงงว่า “ทำไมหม้อถึงไม่มีหู?”

“ทำไมต้องขูด path ด้วย pen tool ไม่ใส่เส้นให้กรูเลยล่ะ?”

Adobe ไม่เคยคิดจะ “ง่ายลง” เพื่อคนทั่วไปเลย

ในขณะที่ Canva บอกว่า “ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องรู้ layer ก็ออกแบบได้”


เราไม่ได้บอกว่า Adobe แพ้

แต่มันเริ่ม “ไม่สนุก” สำหรับคนที่ไม่ได้ทำสายโปร

เหมือนชวนเพื่อนมาวาดเล่น แต่ดินสอที่ให้มันคือ stylus 18 ปุ่ม

คนเลยถอยออกมาใช้แอปที่รู้สึกว่า “ฉันทำได้”

แม้มันจะไม่เป๊ะเท่า ไม่คมเท่า ไม่ละเอียดเท่า แต่มัน "ได้งาน"


คนไม่เลิก Adobe เพราะมันแพง

คนเลิกเพราะมัน “ยากโดยไม่จำเป็น”

ทุกคนอยากจ่ายในสิ่งที่รู้สึกว่าได้อะไรกลับมาเร็ว ไม่ใช่ต้องเรียน 4 คอร์สก่อนถึงจะเซฟไฟล์ได้แบบไม่พัง


Canva เลยได้ใจคน เพราะมันเหมือนเพื่อนข้างบ้านที่บอกว่า

“ไม่ต้องเก่งก็ทำงานได้ เดี๋ยวเราช่วยจัดให้”


ส่วน Adobe ยังยืนอยู่บนเขา บอกว่า

“อยากขึ้นมาบนนี้เหรอ? ปีนมาเองนะ ไม่ก็ไปเรียนยูทูบสัก 16 ชั่วโมงก่อน”


ถ้า Adobe อยากรอดในตลาดใหม่

มันไม่ต้องลดราคา

มันแค่ต้อง “ลดทิฐิ” แล้วถามตัวเองว่า

อยากเป็นเครื่องมือสำหรับคนทำงานจริงอย่างเดียว หรืออยากเป็นเพื่อนของทุกคนที่อยากสร้างอะไรบางอย่าง


เพราะวันนี้... ไม่ใช่ทุกคนอยากจะเป็นศิลปิน

แต่ทุกคนอยาก “สื่อสาร” ผ่านภาพสวยๆ ได้โดยไม่รู้สึกว่าตัวเองโง่


แค่นั้นเองจริงๆ


ทำไม Adobe ถึงมีปัญหากับโมเดลรายเดือน ทั้งๆ ที่คนก็ยอมจ่ายรายเดือนให้ Canva, Notion แบบไม่มีใครบ่น?

นี่คือคำถามที่ดูเหมือนง่าย แต่ความจริงมันซับซ้อนพอๆ กับเมนู Save as ของ Photoshop

หลายคนคิดว่า “ก็คนไม่อยากเช่าไง อยากซื้อขาด”
แต่เอาเข้าจริง ไม่จริงนะ
ทุกวันนี้เราทุกคนก็จ่ายรายเดือนกันเต็มบ้านเต็มเมือง —
Netflix ก็เช่า, Spotify ก็เช่า, Canva ก็เช่า, Notion ก็เช่า
แล้วทำไมพอเป็น Adobe ปุ๊บ ความดราม่าถึงไหลมาเป็นสายธาร?

คำตอบสั้นๆ คือ "Feeling" — ความรู้สึกเวลาต้องจ่ายให้อะไรบางอย่าง


1. Canva มันให้ฟีลของ “ได้งาน”

Canva ไม่เคยพยายามบอกว่า “กูเก่ง”
มันบอกแค่ว่า “มึงอยากทำอะไร เดี๋ยวกูจัดให้ไวๆ”
เข้าไปก็มี template, icon, ฟอนต์, moodboard พร้อมใช้งานทันที

คนใช้รู้สึกเหมือน “จ่ายรายเดือนเพื่อให้ทุกอย่างง่ายขึ้นในชีวิต”
ไม่มีใครต้องเรียนยูทูบ 18 ชั่วโมงก่อนถึงจะลากโลโก้ลงมาใส่ได้
ผลลัพธ์คือ คนรู้สึกว่า “กูไม่เสียเวลา” และ “คุ้ม” แม้ไม่เป็นมือโปร


2. Notion คือ productivity ในราคาที่จับต้องได้

Notion ไม่ได้ขายหน้าตา ไม่ได้ขาย animation
มันขาย “ระบบความคิด” ที่จัดระเบียบชีวิตให้ดีขึ้น
เหมือนจ่ายค่าที่ปรึกษาส่วนตัวแบบดิจิทัลที่ไม่หลับไม่กิน
ราคาต่อเดือนแค่กาแฟแก้วเดียว แต่ช่วยลดการลืมงาน-ลืมวัน-ลืมตัวตนไปได้เยอะ


3. Adobe ขายตัวเองว่าโปร แต่กลับใช้ยาก (สำหรับคนธรรมดา)

ปัญหาหลักไม่ใช่แค่ "เช่า"
แต่คือ “เช่าแล้วไม่ได้รู้สึกว่าได้ใช้”
คือถ้าไม่ใช่มืออาชีพจริงๆ หรือไม่ได้เรียนมาทางนี้
Adobe ก็เหมือนการซื้อเปียโนราคาแสนเพื่อกดแค่คีย์ C แล้วออกมานั่งมึนว่า transpose อยู่ตรงไหน

คือคนทั่วไปไม่ได้รู้สึกว่า “จ่ายแล้วได้งาน”
แต่รู้สึกว่า “จ่ายแล้วโดนทิ้งกลางทาง”
ในขณะที่ Canva บอกว่า “เดี๋ยวกูทำให้”
Adobe กลับบอกว่า “มึงควรไปฝึกก่อน แล้วค่อยมาคุยกัน”


4. รูปแบบ Subscription ของ Adobe มันกึ่งบังคับ

หลายคนเคยซื้อขาด Adobe สมัยก่อนแล้วอยู่กันไปยาวๆ เหมือนรักแรก
พอเปลี่ยนมาเป็นเช่ารายเดือน กลายเป็นความรู้สึกว่า
“ไม่รักก็ต้องอยู่” เพราะไฟล์เก่าเปิดที่อื่นไม่ได้

มันไม่ใช่แค่เช่า แต่มันเหมือนอยู่ในระบบที่ หนีไม่ได้
ใช้ Photoshop ทำงานมา 10 ปี อยู่ดีๆ จะย้ายไปแอปอื่น?
Layer หาย, Smart object พัง, Font error
แถมแอปอื่นยังไม่รองรับไฟล์เฉพาะทางด้วย

คือมันไม่เหมือนเช่าหนังดูจบก็จบ
แต่มันเหมือนเช่าอุปกรณ์ที่ “ชีวิตผูกติด” แล้วรู้สึกว่า “กูไม่มีทางเลือก”


5. Brand positioning ที่ยังพูดกับคนกลุ่มเดิม

Adobe ยังสื่อสารกับ “มือโปร”
แต่ลืมไปว่าโลกใบนี้มี creator หน้าใหม่เกิดขึ้นทุกวัน
ยูทูบเบอร์, คนทำรีล, วาดการ์ตูน, ทำเพลง, ทำงานพรีเซนต์
คนพวกนี้ไม่จำเป็นต้อง “โปร” แต่ก็ “มีงานต้องทำ”

Canva รู้ว่าโลกเปลี่ยน เลยพูดกับคนที่แค่ “อยากเริ่มต้น”
แต่ Adobe ยังพูดเหมือนเดิมว่า “เราคือของมืออาชีพ”
ซึ่งโอเคนะ ถ้าไม่ติดว่ามืออาชีพหลายคนก็เริ่มรู้สึกว่าแพลตฟอร์มมันไม่ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นเท่าไหร่


สรุป

คนไม่ได้เกลียดการเช่า
คนแค่เกลียดการจ่ายรายเดือนกับของที่ “ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น”
คนยอมจ่ายให้ Spotify เพราะไม่อยากฟังโฆษณา
ยอมจ่าย Canva เพราะมันเซฟเวลา
ยอมจ่าย Notion เพราะมันช่วยโฟกัส

แต่ Adobe...
จ่ายแล้วหลายคนยังรู้สึกว่า
“กูต้องมาทำความเข้าใจกับเครื่องมือที่ดูเหมือนจะเกลียดมนุษย์”

ถ้าวันหนึ่ง Adobe เลือกจะลดความซับซ้อนลงนิด
ไม่ใช่แค่ขายพลัง แต่ขายความเข้าใจ
ไม่ใช่แค่เท่ แต่เข้าถึง
...วันนั้นคนอาจจะจ่ายรายเดือนให้ด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่เพราะไฟล์ .psd มันผูกชีวิตไว้


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม