เคยมั้ย…ที่รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นศิลปินที่ติดคุก





เคยมั้ย…ที่รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นศิลปินที่ติดคุก
ไม่ใช่คุกที่มีลูกกรงเหล็กนะ
แต่เป็นคุกที่ชื่อว่า “ความคาดหวัง”
คุกที่คนมองว่า ถ้ามึงเป็นศิลปิน มึงต้องพูดอะไรบางอย่าง
ต้องสื่อสารอะไรให้คนเข้าใจ
ต้องมีอะไรบางอย่างที่ “ลึก”
ต้องเป็นคนมีอุดมการณ์ มีสาร มี message มีภารกิจ
เราว่ากรงนั้นแม่งเล็กกว่าที่คิดอีก
มันไม่ได้สร้างไว้ขังศิลปะหรอก
แต่มันสร้างไว้ขัง ศิลปิน ต่างหาก
แล้วคนที่ขังศิลปินไว้ก็คือ—คนดู คนวิจารณ์ และบางทีก็...ตัวศิลปินเองนั่นแหละ
คือแบบ เฮ้ย กูแค่วาดรูปแมวหน้าบูดเพราะกูนั่งอยู่กับมันตอนเหงา
ไม่ได้ต้องการจะสะท้อนโครงสร้างชนชั้นผ่านการแสดงออกของสัตว์โลกผู้น่ารักเลยโว้ย
แต่กลายเป็นว่า คนก็จะถาม
“ต้องการจะสื่ออะไรเหรอคะ?”
“นี่คือความโดดเดี่ยวของสังคมเมืองใช่มั้ย?”
“ตั้งใจให้เป็นรูปแมว หรือมันคือแมวเป็นสัญลักษณ์ของ...”
โอ๊ย...หยุดก่อน มึงมานั่งกับแมวเหมือนกูแป๊บนึงมั้ย
เราว่าทุกคนแม่งติดกับคำว่า “ศิลปะต้องมีความหมาย”
ต้องตีความได้ ต้องมีอะไรลึกซึ้งอยู่ข้างใน
แต่จริงๆ แล้วศิลปะไม่จำเป็นต้อง “สื่อ” อะไรเลยก็ได้
บางทีมันแค่ “อยู่” ก็พอ
บางทีศิลปะก็เหมือนการถอนหายใจของวิญญาณ
ไม่ต้องมีใครเข้าใจ แค่ได้ปล่อยออกมาก็พอแล้ว
เราเคยถามตัวเองเหมือนกันว่า
ถ้าไม่มีใครดู ไม่มีใครแชร์ ไม่มีใครตีความ
งานที่เราทำมันยังจะมีค่าอยู่มั้ย?
แล้วคำตอบที่โคตรจะตรงไปตรงมาและเงียบมากคือ—มีสิ
เพราะตอนที่เราสร้างมัน เราไม่ได้ทำเพราะจะอธิบายอะไร
แต่เราทำเพราะเรา รู้สึกบางอย่างที่ไม่รู้จะทำยังไงกับมันดี
เลยโยนมันออกมาในรูปของสี คำ เสียง แสง
ไม่ต้องสื่อหรอก เพราะมัน คือ ความรู้สึกนั้นเลย
ถ้าเราเริ่มจากคำถามว่า “จะสื่ออะไร?”
บางทีเราก็พลาดโอกาสได้เจอสิ่งที่ไม่ต้องสื่ออะไรเลย
แต่ มันยังเป็นศิลปะอยู่ดี
เพราะบางครั้ง
ศิลปะไม่ใช่การพยายามบอกโลกว่า “กูคิดอะไร”
แต่เป็นการปล่อยให้โลกเห็นว่า “กูรู้สึกยังไง”
แล้วก็ไม่เป็นไรเลยถ้าโลกจะไม่เข้าใจ
เพราะมันก็เหมือนงานศิลปะหลายๆ ชิ้นที่แม่งพูดอะไรไม่ออกเลย
แต่มึงดันร้องไห้ต่อหน้ามันซะงั้น
นั่นแหละ
ศิลปะจริงๆ มันอาจจะไม่ได้เกิดจากการสื่อสาร
แต่มันเกิดจากการ ซื่อ กับตัวเองต่างหาก
ซื่อพอที่จะยอมรับว่า “กูไม่รู้ว่าทำไปทำไม แต่กูรู้ว่าถ้าไม่ทำ กูคงบ้า”
และถ้านั่นคือเหตุผลเดียวที่เรายังทำงานอยู่ทุกวัน
มันก็มากพอแล้วสำหรับคำว่า ศิลปะ
ไม่ต้องแปล ไม่ต้องตี
ไม่ต้องมีสาร ไม่ต้องสื่อ
แค่มีเราอยู่ในนั้น—ก็พอแล้ว
เพราะสุดท้าย
คนที่ต้องเข้าใจมันมากที่สุด ก็คือคนที่สร้างมันขึ้นมา
ไม่ใช่โลก ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่แม้แต่คำว่า “ศิลปะ” เองด้วยซ้ำ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม