คนที่สร้างศิลปะขึ้นมาน่ะ ไม่เคยอยู่ในกรอบมาก่อนเลย

 


เราว่าแม่งแปลกดี
เพราะสุดท้าย คนที่สร้างศิลปะขึ้นมาน่ะ ไม่เคยอยู่ในกรอบมาก่อนเลย
แล้วทำไมพอสร้างไปเรื่อยๆ อยู่ดีๆ กรอบแม่งก็โผล่มาเฉย
ทั้งกรอบไม้ กรอบทอง กรอบความคาดหวัง และกรอบความกลัว

จริงๆ แล้ว เราว่าศิลปะมันไม่ควรเป็นกรอบ
แต่มันควรเป็นประตู
ที่เปิดให้เราได้พูดสิ่งที่พูดไม่ได้
ได้รู้สึกในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้ารู้สึก
แล้วก็ได้เป็นในสิ่งที่บางคนไม่กล้าเป็น

เราเขียนเพลงด้วยความรู้สึกแบบนั้น—นี่แหละ กู.
เราวาดภาพด้วยมือที่ไม่ได้รอใครอนุมัติ—นี่แหละ กู.
เราเขียนบทความนี้โดยไม่รอให้ใครมาบอกว่านี่คืองานศิลปะหรือเปล่า
เพราะเรารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า
เราไม่ได้ให้คำว่าศิลปะ หรือพู่กัน หรือกระดาษ หรืออะไรทั้งนั้น มากรอบเราไว้

ทุกงานที่เราสร้าง ไม่ได้เริ่มจาก “เทคนิค” หรือ “ทฤษฎี”
แต่มันเริ่มจากความจริงในใจ
จากบางอย่างที่มันต้องออกมา ไม่งั้นเราจะอึดอัดจนระเบิด
มันเริ่มจากการเป็นตัวเองในแบบที่ไม่ต้องขอโทษใคร

พอมีคนถามว่า “นี่คืออะไร?”
“ใช่ศิลปะมั้ย?”
“มันตีความว่ายังไง?”
เราเลยไม่รู้จะตอบยังไงให้ดูฉลาด
ก็เลยตอบไปแบบที่โคตรจะซื่อ

“ไม่รู้ดิ แต่นี่แหละ กู.”

มันคือคำที่เราใช้เป็นเข็มทิศ
เวลาหลงทางในความคาดหวังของคนอื่น
มันคือคำที่เราบอกตัวเอง เวลาจะเริ่มเขียนอะไรบางอย่าง
โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะจบยังไง

บางทีเราไม่ได้ทำงานเพื่อให้โลกเข้าใจเราทั้งหมด
แค่ทำให้เรารู้สึกว่า—ยังมีบางอย่างในโลกนี้ที่ เข้าใจเรา ก็พอ

และถ้าใครได้อ่าน ได้ฟัง ได้เห็น แล้วรู้สึกคล้ายกัน
เหมือนเสียงเรามันดังไปถึงตรงนั้นจริงๆ
แล้วเขาพูดกลับมาเบาๆ ว่า

“กูด้วย.”

แค่นั้นแหละ—แม่งก็ศิลปะที่สุดแล้ว

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม