เมื่อเช้าเราอ่านข่าวเรื่องแผ่นดินไหวขนาด 8.7 แมกนิจูดที่คัมชัตกา




เมื่อเช้าเราอ่านข่าวเรื่องแผ่นดินไหวขนาด 8.7 แมกนิจูดที่คัมชัตกา แล้วมีการเตือนสึนามิไปทั่วทั้งแถบแปซิฟิก มันแรงขนาดที่นักธรณีวิทยาเรียกว่า “megathrust earthquake” หรือแผ่นดินไหวจากการมุดตัวของเปลือกโลกชนิดที่เปลี่ยนแผนที่ได้เลย เรานั่งเงียบไปพักหนึ่งแล้วคิดว่า—คนเรามันเล็กขนาดนี้จริงๆ หรือเปล่า
มันตลกดีนะ ที่ในวันปกติเราชอบเถียงกันว่าใครผิดใครถูก หรือมัววุ่นวายกับดีลเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต แต่พอแผ่นดินใต้เท้าโยกแค่ไม่กี่วินาที สิ่งที่เรายึดว่า “แน่น” ก็หายไปหมด เปลือกโลกยังเลื่อนตัวได้ แล้วความมั่นคงในหัวเราจะอยู่เฉยได้ยังไง
ในพระไตรปิฎกมีคำว่า “อนิจจัง” (anicca) แปลว่า “ไม่เที่ยง” ฟังเหมือนคำที่ใช้ปลอบใจเวลาอกหัก แต่จริงๆ มันเป็นสมการทางธรรมชาติแบบสั้นๆ เหมือนกฎแรงโน้มถ่วง คนโบราณรู้ตั้งแต่สมัยไม่มีเครื่องวัดแผ่นดินไหวด้วยซ้ำ ว่าสิ่งเดียวที่แน่นอนคือความไม่แน่นอน
เรานึกถึง Hemingway ใน The Old Man and the Sea ด้วยนะ Santiago สู้กับทะเลทั้งชีวิต ไม่ใช่เพราะคิดว่าจะชนะ แต่เพราะเขาเข้าใจดีว่าทะเลมันใหญ่กว่าเสมอ การสู้เลยไม่ใช่เพื่อเอาชนะ แต่เพื่อไม่ให้ตัวเองลืมว่าตัวเองยังมีเลือดวิ่งอยู่ในเส้น
ในทางจิตวิทยา เวลาเกิดภัยพิบัติใหญ่ๆ มันกระแทกกลไกที่เรียกว่า Mortality Salience หรือการที่สมองรับรู้ว่า “เราอาจไม่รอด” พอเจอแบบนี้ทีไร มันเหมือนมีปุ่มรีเซ็ตมุมมองชีวิตทันที สิ่งที่เคยดูใหญ่โต เช่น เป้าหมายในงาน การสะสมทรัพย์สิน หรือการหาความถูกต้อง กลายเป็นแค่เศษฝุ่น เทียบกับความจริงที่ว่าเรายืนอยู่บนก้อนหินร้อนๆ ที่หมุนอยู่ในอวกาศ และขยับตัวทีเดียวก็ทำให้เมืองหายไปจากแผนที่ได้
สิ่งนี้ไม่ได้แปลว่าเราต้องอยู่แบบสิ้นหวังนะ แต่กลับกันเลย มันคือการเตือนให้เราเลือกใช้เวลาที่เหลือกับสิ่งที่มีน้ำหนักจริงๆ เพราะต่อให้โลกสั่น เราก็ยังเลือกได้ว่าจะยืนอยู่ตรงไหน และจะใช้แรงที่มีทำอะไร
สุดท้ายแล้ว ธรรมชาติไม่ได้ถามว่าเรา “พร้อม” ไหม มันทำงานของมันต่อไปอยู่ดี บางทีเราเลยควรเลิกถามว่า “ทำไมโลกมันโหดจัง” แล้วหันมาถามว่า “ในวันที่มันโหดที่สุด เราอยากเป็นคนแบบไหน”
เพราะแผ่นดินมันสั่นได้ แต่ใจที่มั่นคง เราต้องเป็นคนสร้างเอง

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม