ทุกคนเคยเจอใช่ไหม คนที่พูดมั่นใจเหลือเกิน แต่พูดไปเรื่อยเหมือน Google โหมดไม่เชื่อมอินเทอร์เน็ต

ทุกคนเคยเจอใช่ไหม คนที่พูดมั่นใจเหลือเกิน
แต่พูดไปเรื่อยเหมือน Google โหมดไม่เชื่อมอินเทอร์เน็ต
ถามลึกๆ แล้วตอบไม่ได้
แต่ยืนยันว่า “มันต้องใช่” ด้วยเสียงที่แข็งแรงยิ่งกว่าเนื้อสัตว์แช่แข็งในห้องทดลอง
ตอนแรกเราก็หงุดหงิดนะ
แต่พอเจอบ่อยเข้า มันกลายเป็นคำถามที่ใหญ่ขึ้น
เราโกรธเขา หรือจริงๆ แล้วเรากำลังกลัวว่าโลกนี้จะเชื่อเสียงมากกว่าสาระ?


ถ้าใครเคยได้ยินชื่อ Dunning-Kruger Effect
จะรู้ว่าคนที่ "รู้น้อย" มัก "มั่นใจมาก" เพราะเขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าตัวเองไม่รู้
พูดอีกแบบก็คือ… เขาไม่มีเครื่องมือจะวัดความรู้ของตัวเองด้วยซ้ำ
เหมือนคนพายเรืออยู่ในหมอก แล้วบอกกับทุกคนว่า “เรือกำลังจะถึงเกาะแล้ว”
ทั้งที่มันอาจจะพุ่งชนภูเขาน้ำแข็งก็ได้
ในพุทธศาสนาก็มีหลักคล้ายๆ กัน เรียกว่า อวิชชา
ความไม่รู้ที่ซ่อนอยู่ในความมั่นใจ
เพราะคนที่ไม่รู้ว่ายังไม่รู้… คือคนที่ยากจะชี้ให้ดูอะไรใหม่
ตรงข้ามกับผู้รู้ที่แท้จริง
ยิ่งรู้ ยิ่งเงียบ
ยิ่งเข้าใจ ยิ่งสงบ
เพราะเขาเห็นชัดว่าโลกมันซับซ้อนกว่าที่คิด
เขารู้ว่าความเห็นตัวเองอาจถูก หรืออาจผิดก็ได้
ไม่ใช่เพราะขาดความมั่นใจ
แต่เพราะมีความเคารพต่อความจริง
นักจิตวิทยาหลายคนพูดตรงกันว่า
ความมั่นใจกับความสามารถไม่ใช่สิ่งเดียวกัน
และความอันตรายเริ่มต้นเมื่อเราสับสนสองอย่างนี้เข้าด้วยกัน
ในโลกที่ใครพูดดังก็เหมือนถูกเชื่อก่อน
บางทีสิ่งที่ทุกคนต้องฝึก อาจไม่ใช่ “กล้าพูด”
แต่คือ “กล้ารับฟัง”
เพราะการฟังด้วยใจนิ่ง คือสกิลที่ AI ยังทำได้ไม่ดีเท่าคน
และถ้าใครเจอคนที่พูดเยอะแต่รู้ไม่จริง
ไม่ต้องรีบขัด
บางที… ปล่อยให้เขาพูดไป แล้วเวลา จะเป็นคนสรุปให้เอง
เพราะเสียงที่ดังที่สุด อาจไม่ใช่เสียงที่รู้ดีที่สุด
แต่มันคือเสียงที่มั่นใจที่สุด… และนั่นแหละที่ต้องระวังให้ดี
ถ้าอ่านจบแล้วรู้สึกเหมือนโดนตบด้วยลม
ก็แปลว่า ทุกคนยังฉลาดพอจะสงสัยในความคิดของตัวเองอยู่
และนั่นแหละ คือจุดเริ่มต้นของการรู้จริงที่แท้จริง

ความคิดเห็น