ในวันที่โลกโซเชียลเต็มไปด้วยเรื่องราวของการทำตามความฝัน

ในวันที่โลกโซเชียลเต็มไปด้วยเรื่องราวของการทำตามความฝัน บางครั้งเราก็เจอเรื่องที่ทำให้ต้องหยุดคิด อย่างที่เราเห็นคนมากมายโพสต์ถึงเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ เป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะต้องไปให้ถึง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างธุรกิจให้สำเร็จ การเดินทางรอบโลก หรือแม้แต่การลดน้ำหนักให้ได้ตามเป้า แล้วก็มีคนอีกกลุ่มที่แค่เห็นคนอื่นโพสต์ก็รู้สึกอยากจะมีเป้าหมายแบบนั้นบ้าง

เราว่ามันก็ดีนะ ที่ทุกคนมีแรงบันดาลใจ แต่บางทีเราก็อดสงสัยไม่ได้ว่าไอ้แรงผลักดันที่อยู่ข้างในเราทุกคนน่ะ มันมาจากอะไรกันแน่ มันคือ "แรงบันดาลใจ" ที่บริสุทธิ์จริงๆ หรือเป็นแค่การอยาก "เอาชนะ" อะไรบางอย่าง

ถ้าจะพูดให้ลึกไปกว่านั้น มันคือสิ่งที่นักปรัชญาชื่อดังอย่างฟรีดริช นีทเชอเรียกว่า "เจตจำนงในอำนาจ" (The Will to Power) นั่นแหละ ฟังดูยิ่งใหญ่นะ แต่เอาเข้าจริงมันก็คือแรงขับเคลื่อนดิบๆ ที่อยู่ในตัวเราทุกคนนั่นแหละ มันไม่ได้แปลว่าเราอยากจะไปเป็นฮิตเลอร์หรือนโปเลียนนะทุกคน แต่มันคือแรงที่ทำให้เราอยากจะเหนือกว่า อยากจะควบคุม อยากจะเชี่ยวชาญในบางสิ่งบางอย่าง

ลองนึกภาพตามดูสิ เวลาที่เราทำงานหนักจนสำเร็จ เราไม่ได้รู้สึกแค่ว่า "เราทำได้" แต่เรารู้สึกว่า "เราเหนือกว่า" เราได้พิสูจน์ตัวเอง เราได้ควบคุมสถานการณ์ เราได้ก้าวไปข้างหน้า มันคือความรู้สึกที่ได้ "ทำ" ไม่ใช่แค่ "มี" และแรงขับเคลื่อนนี้แหละ ที่ทำให้นีทเชออธิบายว่าทำไมมนุษย์ถึงเป็นแบบนี้ เราไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยการอยาก "อยู่รอด" อย่างที่ดาร์วินว่าไว้หรอกนะ แต่เราถูกขับเคลื่อนด้วยการอยาก "มีอำนาจเหนือ" มันต่างกัน

เจตจำนงในอำนาจนี้มันเป็นกลางๆ นะทุกคน มันไม่ได้ดีหรือเลว อยู่ที่ว่าเราจะใช้มันไปในทางไหน ศิลปินใช้มันเพื่อสร้างผลงาน นักวิทยาศาสตร์ใช้มันเพื่อค้นหาความจริง หรือนักธุรกิจใช้มันเพื่อสร้างความมั่งคั่ง แต่ในทางกลับกัน เราก็ใช้มันเพื่อทำร้ายคนอื่น เพื่อควบคุมคนอื่นด้วยเช่นกัน

นีทเชอพูดถึงการเอาชนะตัวเอง (self-overcoming) ซึ่งก็คือการที่เราใช้เจตจำนงในอำนาจนี้ในการควบคุมตัวเอง สร้างตัวเองให้ดีขึ้น นีทเชอไม่ได้บอกว่าตัวตนที่แท้จริงของเราอยู่ในตัวเราลึกๆ นะ แต่เขาบอกว่าตัวตนที่แท้จริงของเราอยู่ "สูงกว่า" เรา นั่นก็คือตัวเราในเวอร์ชันที่เราอยากเป็น เราอยากไปให้ถึง

ชีวิตก็เหมือนกับเกมที่เราต้องใช้เจตจำนงในอำนาจของเราให้ถูกทาง จะใช้มันเพื่อสร้างสรรค์ หรือใช้มันเพื่อทำลาย เราเลือกได้

สุดท้ายแล้วความสำเร็จที่เราตามหามันอาจไม่ใช่แค่การไปถึงเป้าหมาย แต่มันคือการที่เราได้ใช้แรงขับเคลื่อนที่อยู่ข้างในเราทุกคนอย่างถูกทางแล้วหรือยัง และไม่ว่าใครจะคิดยังไง เราก็แค่ทำในสิ่งที่ต้องทำไปก็พอ