ทุกคนเคยเจอไหม งานชิ้นเดียว แต่ทำได้หลายอย่าง
ทุกคนเคยเจอไหม งานชิ้นเดียว แต่ทำได้หลายอย่าง
เราเจอครั้งแรกตอนเพื่อนศิลปินขายภาพให้สำนักพิมพ์ เขาบอกว่า “เอาไปขายลิขสิทธิ์ได้ เงินเข้าแล้วจบเลย”
เราฟังแล้วสะดุด คำว่า “จบเลย” นี่แหละมันพิเศษ งานชิ้นเดียว สามารถสร้างรายได้ซ้ำๆ ไม่ต้องทำซ้ำ แต่ก็แลกกับการที่มันจะไม่เป็นงานต่อยอดตัวเองอีกต่อไป หรือพูดง่ายๆ คือ มันเหมือนฆ่าห่านทองคำไปตัวหนึ่งเพื่อเอาไข่ใบเดียว
แล้วเราก็เริ่มถามตัวเองว่า งานจ้างแบบไหนถึงคุ้มค่า
เราแบ่งงานจ้างออกเป็น 4 ประเภทชัดเจน
-
Low hanging fruit – งานเล็กๆ ทำเพื่อเลี้ยงชีพ เงินเข้ารัวๆ แต่ไม่สร้างชื่อเสียงหรือพอร์ต
-
Portfolio building – งานที่ทำให้พอร์ตของเราแข็งแรง สร้างแบรนด์ตัวเองได้ ถ้าเลือกงานถูก มันจะต่อยอดเราได้เรื่อยๆ
-
High profile – งานเด่น งานที่ทำให้คนรู้จัก งานระดับนี้เงินไม่ต่ำกว่าห้าหมื่นถึงหลักล้านต่อชิ้น มาทีละไม่กี่งาน แต่พลังทำให้ชื่อเสียงเราโต
-
Pigeon hole – งานซ้ำๆ เดิมๆ ไม่มีการเติบโต ไม่ช่วยอะไรต่อ นอกจากเป็นประวัติศาสตร์ส่วนตัวที่รก
ทุกคนอยากอยู่กลุ่มไหน?
เราเองชัดเจนว่าเลือกงาน 2 กับ 3 เป็นหลัก Low hanging fruit ก็ทำเพื่อชีวิตประจำวัน แต่ไม่เอาเยอะ และ Pigeon hole? ไม่ต้องถึงวันตาย
สังเกตง่ายๆ ถ้าแยกงานประเภทนี้ออก เราจะไม่วนลูป “หนูถีบจักร” แบบโรเบิร์ต คิโยซากิกล่าวไว้
ทำไมเราไม่ค่อยรับงานจ้างแบบทั่วๆ ไป?
ข้อดีคือเงินเข้า แต่ข้อเสียคือมันไม่จบในตัวเอง ต้องทำต่อเนื่อง ถ้าเจ็บมือ หมดแรง หรือเกิดอุบัติเหตุ คุณจะทำยังไง?
แต่ก็มีนักทำงานจ้างแบบ Elite ที่จับโปรเจคใหญ่ๆ รางวัลใหญ่ และเผลอๆ รวยกว่าเจ้าของธุรกิจ 90% ของคนไปไม่ถึง เพราะไปหยิบแต่ Low hanging fruit
เราเลือกเส้นทางที่เรียกว่า Money Machine
งานที่เราชอบต้อง:
-
Scalable – เติบโตได้ ขยายได้
-
Copyable – โมเดลเดียวทำซ้ำกับสินค้าหรือ niche อื่นได้
-
Low headcount – ใช้คนน้อย ทำเองได้ทุกขั้น
-
QC ง่าย – ไม่ต้องตรวจทุกรายละเอียดจนเหนื่อย
-
Passive revenue – ทำแล้วได้เงินตอนหลับ
ตัวอย่างที่เราทำแล้วเวิร์คที่สุดคือ
-
Digital product – ทำงานดิจิทัลครั้งเดียว ขายซ้ำได้ไม่จำกัด เช่น แบบฝึกหัด, Template, Illustrations
-
POD (Print On Demand) – ออกแบบเสื้อ กระเป๋า สมุด หรือสินค้ากายภาพแบบไม่ต้องสต็อกเอง
-
KDP (Kindle Direct Publishing) – หนังสือ Digital & Print on Demand ทำครั้งเดียว ขายต่อเนื่อง ไม่มีสต็อกให้ปวดหัว
ระหว่างสร้างระบบนี้ คนทั่วไปมักคิดว่าเราเฟล ดูจน เหมือนทำแล้วไม่สำเร็จ แต่จริงๆ นี่คือ Learning Curve สูง คนทั่วไปไม่กล้าเดินเพราะกลัวล้ม แต่เรามองว่านี่คือ Barrior of Entry ที่ทำให้เราโตช้าแต่มั่นคง
คำถามสำคัญที่ต้องถามตัวเอง
ทุกคนเหมาะกับงานแบบไหน?
-
ชอบศิลปะบริสุทธิ์ หรือ
-
ชอบศิลปะ + ธุรกิจ
ถ้าสนใจแต่ศิลปะ บางทีต้องมีพาร์ทเนอร์ธุรกิจดีๆ เข้ามาช่วย จบเรื่องรายได้และสัญญา
แต่ถ้าเลือกเดินเส้น Money Machine – เตรียมใจว่าแรกๆ จะลำบาก เหมือนเฟล เหมือนจน แต่ไม่ต้องกลัว มันเป็นสัญญาณว่า คุณกำลังสร้างกึ๋น สร้างระบบ ที่คนทั่วไปไม่กล้าแตะ
สุดท้าย งานดีไม่จำเป็นต้องเต็มไปด้วยความเคลื่อนไหวรัวๆ งานดีคือ จบในตัวเอง สร้างรายได้ตอนเรานอนหลับ หรือจิบกาแฟในบ่ายวันอากาศร้อน
โลกไม่ให้รางวัลแค่ฝีมือ แต่ให้รางวัลกับ กึ๋น + การจัดระบบ
จบงานเดียว ก็เป็นเงิน
ก้าวเดียว ก็สร้างอนาคต
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น