สิ่งที่ไม่ควรทำเวลาทีใครสักคนเป็นไอดอล

 


วันก่อนมีน้องคนนึงมาบอกเราว่า “พี่เป็นไอดอลของผม”
คำว่าไอดอลที่เขาพูด ไม่ได้หมายถึง BNK หรือฝั่งเกาหลีที่ทุกคนกรี๊ดกันหรอก แต่น่าจะหมายถึง “ต้นแบบ” แบบที่เขาอยากเป็น เราได้ยินประโยคแบบนี้มาไม่ใช่ครั้งแรก แต่ทุกครั้งที่มีคนพูด เราจะรู้สึกสองอย่างพร้อมกัน คือหนึ่ง ดีใจแหละที่อย่างน้อยชีวิตเราไม่ได้เสียไปเปล่าๆ และสอง กลัวว่าคนจะเผลอไปบูชาในสิ่งที่จริงๆ แล้วเราก็ยังงงกับตัวเองอยู่เหมือนกัน
ทุกคนเคยเป็นมั้ย เวลามีใครบอกว่าเราเจ๋งมาก แต่ในใจกลับคิดว่า “จริงๆ กูก็ยังห่วยหลายเรื่อง”
เราก็แค่คนที่มีทั้งข้อดี ข้อเสีย มีจุดที่ไม่อยากให้ใครเห็นเหมือนกัน แต่โลกชอบเลือกหยิบ “มุมดีที่สุด” ของเราไปฉายซ้ำ แล้วเรียกมันว่า “ตัวตน”
ตรงนี้ทำให้นึกถึงคำในพระไตรปิฎกที่ว่า “อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ” แปลง่ายๆ ว่า “ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน”
มันฟังดูแห้งนะ แต่จริงๆ คือการบอกว่า ต่อให้เรามีไอดอลกี่คน ชีวิตมันก็ยังเป็นของเราอยู่ดี เราต้องเลือกหยิบเฉพาะสิ่งที่เป็นเสาหลักจริงๆ ไม่ใช่ลอกทั้งดุ้นจนหลงทาง
ในมุมวิทยาศาสตร์ก็ยังตรงกัน นักจิตวิทยาของ University of Cambridge เคยบอกว่า เวลามนุษย์ “idealise” ใครสักคน สมองเราจะเกิด bias ชื่อ halo effect คือเห็นข้อดีจุดเดียวแล้วเหมารวมว่าคนๆ นั้นดีไปหมดทั้งแผ่นดิน ผลคือเรามักจะพลาด ไม่ได้เห็นว่าเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนเรา
ลองดูสังคมรอบตัว ทุกคนจะเห็นว่าคนที่ “ถูกยกให้สูง” มักอยู่ในที่ที่ลมแรงกว่าคนทั่วไป จะโดนวิจารณ์ง่าย จะถูกคาดหวังมาก และถ้าวันนึงเขาพลาด คนที่เคยบอกว่าเป็นแฟนคลับก็พร้อมจะหันหลังทันที เพราะจริงๆ แล้วเขาไม่ได้รัก “คน” เขารัก “ภาพในหัว” ของคนนั้นมากกว่า
เราวิเคราะห์แบบบ้านๆ เลยนะ เวลามีคนบอกว่าเราเป็นไอดอล เราจะตอบตัวเองในใจว่า “โอเค เก็บเฉพาะสิ่งดีๆ ของเราก็พอ อย่าเอาแพ็กเกจข้อเสียไปด้วยเลย”
เพราะสุดท้ายแล้ว ไอดอลก็เป็นคนธรรมดาที่บางวันอยากกินมาม่า บางวันงอแง บางวันอยากนอนขี้เกียจ แต่ถ้าสิ่งที่เราทำมันช่วยให้ใครสักคนมีแรงฮึบขึ้นมาได้ นั่นก็คือของขวัญที่เราไม่ได้ขอ แต่โลกยกให้
ขอทิ้งท้ายไว้สั้นๆ ให้ทุกคนเก็บไปคิด:
อย่าเชื่อในไอดอลจนลืมเชื่อในตัวเอง เพราะถ้าวันนึงรูปปั้นหัก ทุกคนยังต้องยืนด้วยขาของตัวเองอยู่ดี.

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม