ไม่ชอบคนนินทา แต่ก็ไม่ชอบคนพูดตรง
ทีนี้เราถามจริง ทำไมคนเราชอบฟังความจริงที่ใส่น้ำเชื่อมมากกว่าความจริงแบบเพียวช็อต ทั้งที่ของแท้มันก็เหมือนเหล้าแรง ดื่มทีเดียวสะดุ้ง แต่ก็ทำให้เราตาสว่างได้เร็วกว่าการจิบ mocktail ที่หวานแต่ไม่เมา
พระพุทธเจ้ามีคำบาลีคำหนึ่งว่า "สจฺจํ เว อมตา วาจา" แปลว่า คำจริงเป็นวาจาไม่ตาย คือความจริงมันอยู่ยงเกินกว่าคำโกหกชั่วคราว ต่อให้พูดตรงวันนี้เจ็บ แต่พรุ่งนี้มันคือยารักษา ส่วนคำโกหกหรือคำประจบมันก็เหมือนพาราแก้ปวด กินแล้วดีแค่ชั่วคราว แต่โรคจริงมันยังอยู่
วรรณกรรมโบราณของกรีกก็ไม่ต่างกัน Sophocles เคยเขียนว่า “None love the messenger who brings bad news” คือไม่มีใครรักคนเอาข่าวร้ายมาให้ แต่ถามว่าข่าวร้ายนั้นจริงไหม…จริง และนั่นต่างหากที่ทำให้ชีวิตขยับได้
ถ้ามองด้วยเลนส์จิตวิทยาสังคม คนเรามี self-serving bias คือชอบข้อมูลที่ทำให้เรารู้สึกดี และหลีกเลี่ยงสิ่งที่กระทบ self-esteem ของตัวเอง เวลาใครชมเรา เรารู้สึกว่าโลกนี้ช่างสดใส แต่เวลาใครติ เรามักรับไม่ทัน ถึงแม้คำตินั้นจะเป็น data ที่ทำให้เราพัฒนาขึ้นก็ตาม เลยกลายเป็น paradox เล็กๆ ว่า คนที่พูดตรงเพื่อหวังดี กลับโดนมองว่าเป็นภัยต่อ social harmony
สุดท้ายแล้วเราเลยติดอยู่ในเกมหน้ากาก สังคมเต็มไปด้วยคน “พูดดีต่อหน้า แทงยับข้างหลัง” เพราะมันเอาตัวรอดง่ายกว่า และไม่ทำให้เสีย network แต่ถามว่ามันยั่งยืนไหม ก็ตอบได้ชัดเลยว่าไม่
ดังนั้นเวลาเจอใครพูดตรงๆ อย่าเพิ่งเกลียดเขา ลองดูว่าข้างในมันมีเพชรหรือก้อนหิน แล้วค่อยตัดสิน เพราะบางครั้งมีดที่บาดเราคือมีดผ่าตัด ไม่ใช่มีดฆาตกร
และถ้าเลือกได้…เราอยากให้ทุกคนจำไว้อย่างเดียว ความจริงไม่เคยทำลายใคร มีแต่การไม่อยากได้ยินความจริงเท่านั้นแหละ ที่ทำลายเราเอง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น