เพิ่งได้อ่านเรื่องราวความสัมพันธ์ของเพื่อนคู่หนึ่ง
เพิ่งได้อ่านเรื่องราวความสัมพันธ์ของเพื่อนคู่หนึ่ง ที่สถานะของพวกเขาซับซ้อนราวกับแผนภูมิแท่งเทียนช่วงตลาดผันผวน เรื่องของเรื่องคือฝ่ายหนึ่งรู้สึก แต่อีกฝ่ายมีกำแพง ทั้งคู่ฉลาดพอที่จะไม่ข้ามเส้น แต่ก็ใกล้ชิดกันเกินกว่าที่คนนอกจะเรียกว่าเพื่อนสนิท เรามองดูแล้วก็อดคิดไม่ได้จริงๆ
ทุกคนเคยสงสัยเหมือนเราไหม ว่า ‘Friend Zone’ ที่เขาพูดๆ กันเนี่ย มันคือ ‘เขตปลอดดอกเบี้ย’ ที่ปลอดภัยและมั่นคง หรือแท้จริงแล้วมันคือ ‘พันธบัตรระยะยาว’ ที่รอวันแปลงสภาพเป็นอย่างอื่นกันแน่
ในทางพุทธศาสนา มีสภาวะหนึ่งที่อธิบายเรื่องนี้ได้คมคายมาก เขาเรียกว่า ‘กามฉันทะ’ (Kāmachanda) ซึ่งแปลแบบง่ายๆ คือความพอใจในสิ่งเร้าทางประสาทสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นรูป รส กลิ่น เสียง หรือสัมผัส มันไม่ใช่เรื่องหยาบโลน แต่เป็นแรงขับเคลื่อนพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ เมื่อคนสองคนมี ‘เคมี’ ต่อกัน สิ่งนี้แหละที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง มันคือพลังงานที่ทำให้บทสนทนาลื่นไหล ทำให้การอยู่ใกล้ๆ กันมันรู้สึก ‘พิเศษ’ กว่าคนอื่น
ทีนี้พอเราเอาหลักการนี้มาวิเคราะห์ในเชิงจิตวิทยาสังคม มันเลยกลายเป็นเกมที่น่าสนใจ ความสัมพันธ์ที่อ้างว่า ‘บริสุทธิ์’ แต่มีแรงดึงดูดซ่อนอยู่ มันไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบ Platonic หรอกทุกคน แต่มันคือ ‘การบริหารความเสี่ยง’ รูปแบบหนึ่ง ฝ่ายหนึ่งอาจจะมองว่าการคงสถานะเพื่อนไว้ คือการลงทุนที่ปลอดภัยที่สุด ได้รับผลตอบแทนทางอารมณ์ (Emotional Dividend) โดยไม่ต้องเสี่ยงกับความเจ็บปวดจากการเลิกรา ขณะที่อีกฝ่าย ก็ยอมรับ ‘ข้อตกลง’ นี้ เพราะผลประโยชน์ที่ได้จากการมีเพื่อนรู้ใจคนนี้ มันคุ้มค่ากว่าการเสี่ยงที่จะเสียทุกอย่างไปหากการเจรจาต่อรองไม่เป็นผล
กำแพงที่สร้างขึ้นระหว่างกัน ไม่ได้มีไว้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของมิตรภาพ แต่มันคือ ‘Stop-Loss Order’ ที่ตั้งไว้เพื่อป้องกันความเสียหายทางใจหากตลาดเกิดพังทลายลงมา การที่คนหนึ่งอ่อนแอและเกือบจะข้ามเส้น ไม่ใช่เรื่องของศีลธรรมที่บกพร่อง แต่มันคือการที่ ‘Leverage’ ทางอารมณ์มันสูงเกินกว่าที่พอร์ตจะรับไหว
เราไม่ได้กำลังตัดสินว่ามันผิดหรือถูกนะทุกคน เราแค่ชี้ให้เห็นกลไกที่ซ่อนอยู่ภายใต้คำว่า ‘เพื่อน’ ที่เรามอบให้กันอย่างสวยหรูเท่านั้นเอง
มิตรภาพระหว่างชายหญิงที่มีแรงดึงดูดต่อกันน่ะไม่ใช่ Platonic หรอก… เขาเรียกสถานะ ‘รอการเจรจา’
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น