“แล้วจะวิ่งไปทำไม”

 

เมื่อคนเราวิ่งมานานแต่ไม่เห็นเส้นชัย มันจะมีจังหวะหนึ่งที่หัวใจเริ่มตั้งคำถามเสียงเบาๆ ว่า
“แล้วจะวิ่งไปทำไม”
เราเจอคนมากมายที่ตั้งใจสุดแรงเกิด ใช้เวลาเป็นปี บางคนเป็นสิบปี ลุยแบบไม่หันหลัง แต่พอมองไปรอบตัว…เงียบกริบ เหมือนยืนอยู่กลางทะเลหมอก ไม่รู้ว่าเส้นขอบฟ้าอยู่ตรงไหน หรือว่าตัวเองหลงมานานแล้วแต่ไม่รู้ตัว
มีคนตั้งใจเรียนมากจนหมดไฟ แต่ยังไม่รู้ว่าอยากทำงานอะไร
– มีคนทุ่มให้โปรเจกต์ทุกหยดของพลังชีวิต แต่ยอดขายยังอยู่ในโหมดวัดใจ
– มีคนรักษาร่างกายสุดฤทธิ์ กินคลีน เข้านอนตรงเวลา แต่ยังรู้สึก “ไม่โอเค” อยู่ดี
สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่ “เหนื่อย” แต่คือ “ไม่รู้ว่าเพื่ออะไร”
เพราะพอเราไม่รู้ว่ากำลังเดินไปหาอะไร สมองจะเริ่มตัดพลังงานแบบฉุกเฉิน แล้วจิตใจก็จะเข้าสู่โหมดที่นักจิตวิทยาเรียกว่า Learned Helplessness (ภาวะชินชากับความล้มเหลว) คือทำไปก็ไม่เวิร์ก เลยเลิกคาดหวัง แล้วสุดท้ายก็ไม่กล้าลองอะไรอีก
เหมือนหนูทดลองที่เคยพยายามหาทางออกจากเขาวงกต แต่พอเจอบล็อกทุกทาง มันจะนั่งนิ่งแบบไม่พยายามอีกเลย ถึงแม้จะมีทางออกจริงๆ อยู่ตรงหน้า
แต่เราไม่ใช่หนูทดลอง เรามีความสามารถเลือกทบทวนใหม่ได้ และสิ่งที่เราควรทบทวนก่อนเลยไม่ใช่แผนงาน ไม่ใช่เป้าหมาย แต่คือ
“เราอยากรู้สึกแบบไหนในชีวิตนี้”
ไม่ใช่ทุกคนต้องวิ่งไปเป็น CEO หรือ influencer หรือคนดัง คนบางคนแค่ได้ปลูกต้นไม้ อยู่กับหมาแมว มีคนเข้าใจหนึ่งคน ก็กระจ่างกว่าแสงแดดหน้าหนาวแล้ว
ในทางพุทธมีคำว่า “อตัมมยตา” แปลว่า ความไม่ยึดมั่นว่าสิ่งนี้เป็นของเรา เป็นตัวเรา เป็นเรา มันคือภาวะที่เราค่อยๆ แยกออกจากความฝันที่คนอื่นใส่มือมาให้ แล้วได้กลับไปถามจริงๆ ว่า เราฝันอะไรอยู่กันแน่
คำว่า “ความสำเร็จ” ในเชิงสังคม มันเหมือนแรงโน้มถ่วงที่ดึงเราตลอดเวลาให้เดินตามพิมพ์เขียวของคนอื่น
แต่วิทยาศาสตร์บอกว่า แม้แรงโน้มถ่วงจะมีอิทธิพลขนาดไหน มันก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้มนุษย์ “บิน”
เพียงแต่ก่อนจะบิน เราต้องรู้ก่อนว่าเราจะบินไปไหน ไม่งั้นก็แค่ลอยล่องไปเรื่อยๆ เหมือนบอลลูนหลุดมือ
เราเองเคยเหนื่อยจนคิดว่า ไม่ต้องไปต่อก็ได้ อยู่นิ่งๆ ก็ไม่ตาย
แต่สิ่งที่ดึงเรากลับมาไม่ใช่แรงบันดาลใจใหญ่โตอะไรเลย
มันเป็นเสียงเล็กๆ จากในใจที่บอกว่า
“อยากรู้ว่า ถ้าไม่ยอมแพ้ ชีวิตมันจะพาไปถึงไหน”
เราเลยกลับมายืนใหม่ เดินใหม่ อาจจะช้าลง แต่มี “ใจ” อยู่กับทุกย่างก้าว
เพราะถึงยังไม่เห็นผลชัดเจน ก็ใช่ว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทุกก้าวที่ทุกคนเดิน แม้มันจะดูไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงภายนอก
แต่ภายใน...มันกำลังสร้างเราอยู่เงียบๆ
เหมือนเมล็ดที่ฝังอยู่ใต้ดิน จะไม่มีใครเห็นตอนมันงอก แต่วันหนึ่งมันจะแตกยอดขึ้นมาให้โลกเห็นเอง
เหนื่อยก็พัก
ไม่รู้ทางก็หยุด
แต่ไม่ต้องย้อนกลับไปเป็นคนที่เราเคยหนีออกมาแล้วก็ได้
เราแค่ค่อยๆ อยู่กับตัวเอง แล้วถามให้ชัดว่า
"อยากรู้สึกยังไงกับชีวิตนี้"
คำตอบมันอาจไม่ได้พาเราไปไกล
แต่มันจะพาเราไปถูกทาง

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม