เราเคยเห็นคำว่า Dunamis ผ่านตามาบ่อย

เราเคยเห็นคำว่า Dunamis ผ่านตามาบ่อยในหนังสือของฝรั่งสายพลังบวก อ่านแล้วก็รู้สึกเท่ดีนะ แต่ไม่เคยเข้าใจลึกจริงๆ ว่ามันหมายถึงอะไร จนวันหนึ่งเราตัดสินใจเปิดตำราเทพเจ้ากรีกควบคู่กับพจนานุกรมปรัชญา แล้วสิ่งที่เจอคือประโยคที่ทำให้เรานิ่งไปพักหนึ่ง

Dunamis (δύναμις) เป็นภาษากรีกโบราณ แปลว่า “พลังที่ยังไม่ถูกใช้” หรือ “พลังที่มีศักยภาพจะกลายเป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้” ถ้าเทียบให้เข้าใจง่ายก็คล้ายกับคำว่า Potential Energy (พลังงานศักย์) ในฟิสิกส์ ซึ่งหมายถึงพลังงานที่ยังไม่ได้ถูกปลดปล่อยออกมา เช่น สปริงที่ยังไม่ได้บีบ หรือก้อนหินที่วางอยู่บนยอดเขา

แนวคิดนี้มาจากอริสโตเติล (Aristotle) ซึ่งแยกความจริงออกเป็นสองสถานะ:
– Dunamis (ศักยภาพ) คือพลังที่มีอยู่ในตัวแต่ยังไม่ถูกใช้ เช่น เมล็ดข้าวโพดที่ยังไม่งอก
– Energeia (พลังงานที่เกิดขึ้นจริง) คือเมื่อพลังนั้นถูกปลดปล่อยออกมา เช่น เมล็ดข้าวโพดที่โตเป็นต้นไม้แล้ว

บางคนอาจเคยได้ยินว่า “เด็กคนนี้มี potential” นั่นคือเขามี dunamis อยู่ แต่จะกลายเป็น energeia หรือไม่ก็ขึ้นกับหลายปัจจัย — สภาพแวดล้อม ครูดี โอกาส หรือแม้แต่การไม่โดนบั่นทอนด้วยการ gaslighting (การทำให้คนรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดโดยเจตนา) จากคนรอบตัว

ความน่าสนใจของ dunamis คือมันไม่ใช่แค่พลังธรรมดา แต่มันเป็นพลังที่ มีทิศทาง มีแนวโน้มที่จะเบ่งบาน ถ้าหากเงื่อนไขพร้อม
ซึ่งเราว่ามันคล้ายๆ คำในพุทธศาสนาว่า พหุสสุตตะ (ผู้ที่ได้ฟังมาก ศึกษามาก)
พระพุทธเจ้าทรงกล่าวว่า “พหุสสุตตะ เป็นบุคคลผู้มีกำลังมาก” — กำลังในที่นี้ก็คือ dunamis ที่รอวันแปรรูป

พอเราเข้าใจแบบนี้ ก็เริ่มสังเกตว่า คนเรามักจะไม่รู้ว่าตัวเองมี dunamis อยู่เท่าไหร่ เพราะมันไม่ส่งเสียง มันไม่ร้องว่า “เฮ้ ฉันอยู่ตรงนี้นะ”
มันเป็นพลังเงียบที่ต้องอาศัยสติปัญญาและการมองเห็นภายในจึงจะรู้ว่ามีอยู่
มันคล้ายๆ กับการมองหาดาวบนฟ้าในเมืองหลวง — ดาวไม่หายไปไหน แต่แสงจากเมืองบังไว้จนเราไม่เห็น

วิธีเดียวที่จะรู้ว่าเรามี dunamis แบบไหนบ้าง ก็คือ
– หยุด
– มองย้อนกลับไป
– ถามตัวเองด้วยความซื่อสัตย์

เช่น
– เคยมีช่วงที่ทำอะไรแล้วเรารู้สึก "ใช่" ไหม
– เคยรู้สึกว่าแค่นี้ยังไม่สุด ยังไปได้อีก
– เคยรู้สึกว่าเราเห็นอะไรบางอย่างที่คนอื่นยังไม่เห็นไหม

นั่นแหละ dunamis เริ่มส่งสัญญาณแล้ว

และเมื่อเรารู้ว่ามี dunamis อยู่ ความรับผิดชอบจะตามมาทันที
เพราะศักยภาพที่ไม่ได้ใช้ ไม่ได้หายไปไหน — แต่มันจะค่อยๆ เปลี่ยนร่างเป็นความเสียดาย และในบางกรณี มันกลายเป็นความเจ็บปวด

เราคิดว่า ในยุคที่ทุกคนถูกฝึกให้มองตัวเองผ่าน likes, views, followers สิ่งที่หายากที่สุดอาจไม่ใช่ความสามารถ แต่คือ พื้นที่ปลอดภัยในการมองเห็นพลังเงียบของตัวเอง
พื้นที่ที่ไม่ต้องรีบโชว์
ไม่ต้องรีบไปให้ถึง
แต่มีเวลาพอจะปลุก dunamis ให้กลายเป็น energeia ด้วยจังหวะของตัวเอง

เพราะสุดท้ายแล้ว พลังที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ใครมองเห็น
แต่อยู่ที่เรา “ใช้มัน” จนกลายเป็นตัวเองเวอร์ชันที่แม้แต่เราก็ยังทึ่ง

ทุกคนมี dunamis คนละแบบ
และโลกใบนี้ยังรอให้ทุกคนใช้พลังนั้นอยู่
เงียบๆ
แต่แน่นอน


ความคิดเห็น