เราเห็นว่าหลายคนเคยตั้งเป้าหมายว่าจะอ่านหนังสือมากขึ้น ซึ่งฟังดูเป็น mission




เราเห็นว่าหลายคนเคยตั้งเป้าหมายว่าจะอ่านหนังสือมากขึ้น ซึ่งฟังดูเป็น mission (ภารกิจ) ที่น่าภูมิใจ แต่พอเจาะลึกลงไปก็พบว่าคนจำนวนไม่น้อยเลือกอ่านหนังสือ non-fiction (หนังสือสารคดี/พัฒนาตนเอง) เพราะมันดูจริงจังและจับต้องได้มากกว่า ส่วนการอ่านนิยายกลับถูกมองว่าเป็นเรื่อง “เล่นๆ” ทั้งที่จริงๆ แล้วมันไม่เล่นเลย
ลองนึกภาพเวลาเราอ่านหนังสือจิตวิทยาพัฒนาตนเอง เขามักจะให้ checklist (รายการตรวจสอบ) แบบ 1 2 3 4 – ตั้งเป้าหมาย – วางแผน – ลงมือทำ – ทบทวนความก้าวหน้า ทั้งหมดนั้นมีประโยชน์ แต่ถามว่าอีกหนึ่งเดือนผ่านไปเรายังจำได้เป๊ะๆ ไหม ส่วนใหญ่ก็คือไม่ หรือถ้าจำได้ก็เหมือนจำสูตรคณิตศาสตร์ที่เคยท่องจนสอบเสร็จแล้วลืม
ในทางตรงกันข้าม การอ่านนิยายทำงานกับสมองไม่เหมือนกัน สมองเราไม่ได้จดจำเป็น bullet point แต่จำเป็น “ประสบการณ์” เช่น ตัวละครเจอเพื่อนหักหลังแล้วเขาจัดการความรู้สึกอย่างไร ตัวละครสอบตกแล้วเลือกจะลุกขึ้นมาใหม่แบบไหน นี่แหละคือการ encode (เข้ารหัส) ความรู้ในรูปแบบที่สมองชอบมากกว่า เพราะมันเป็นเรื่องราวและอารมณ์ที่เชื่อมโยง
งานวิจัยทางประสาทวิทยาศาสตร์ (Neuroscience) บอกไว้ชัดว่าการอ่านนิยายกระตุ้นสมองในส่วนเดียวกับเวลาที่เราเจอประสบการณ์จริง เช่น ถ้าอ่านฉากตัวละครวิ่ง สมองส่วน motor cortex (สมองที่ควบคุมการเคลื่อนไหว) จะถูกกระตุ้นเหมือนเราได้วิ่งจริงๆ จึงไม่น่าแปลกที่คนที่อ่านนิยายบ่อยๆ จะมีทักษะการเข้าใจผู้อื่น (empathy – ความเข้าใจความรู้สึกคนอื่น) สูงขึ้น
ถ้าอธิบายด้วยหลักพุทธศาสนา ก็คล้ายกับ “โยนิโสมนสิการ (การพิจารณาโดยแยบคาย)” เพราะเราไม่ได้แค่รับข้อมูล แต่เอาไปคิดต่อให้เข้ากับชีวิต เหมือนเรานำเรื่องราวของตัวละครมาพิจารณาเหมือนตัวเองเจอ เหตุผลนี้เองที่นิยายดีๆ เล่มหนึ่งอาจสอนเรามากกว่าหนังสือ How-to หลายเล่มรวมกัน
เราจะไม่บอกว่าหนังสือ non-fiction ไม่ดี มันก็เป็น information (ข้อมูล) ที่มีคุณค่า เพียงแต่วิธีการเล่าอาจตรงไปตรงมา ขณะที่นิยายซ่อน wisdom (ปัญญา) ไว้ในเนื้อเรื่อง ถ้าเปรียบเป็นเคมี ก็เหมือน non-fiction คือสารประกอบ NaCl (เกลือแกง) กินแล้วรู้รสเค็มทันที ส่วนนิยายคือสารประกอบเชิงซ้อนที่ละลายในชีวิตประจำวันอย่างเนียนๆ โดยเราอาจไม่รู้ตัวว่ากำลังซึมซับอยู่
ดังนั้นปีนี้ถ้าทุกคนตั้งเป้าจะอ่านหนังสือ เราอยากแอบชี้ทางลัดว่าอย่ามองข้ามนิยาย เพราะมันไม่ใช่ “แค่ความบันเทิง” แต่คือการจำลองประสบการณ์ชีวิตให้เราฝึกตัดสินใจในโลกจริงได้เฉียบคมขึ้น และบางทีอาจทำให้เรามีศีล สมาธิ ปัญญา (sīla – samādhi – paññā) โดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
เราขุดนิยายแดน บราวน์วางไว้ข้างเตียงละ ทุกคนล่ะ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม