Walmart ต้องเรียกคืนกุ้งแช่แข็งยี่ห้อ Great Value หลัง FDA ตรวจเจอสารกัมมันตรังสี Caesium-137
เมื่อเช้าเราเดินผ่านแผงกุ้งทอดแล้วนึกขึ้นมาว่า ทำไมกุ้งถึงเป็นเมนูที่ทั้งหรูทั้งบ้านๆ ได้พร้อมกัน แถมเพื่อนคนหนึ่งยังยิงมุกใส่ว่า “กุ้งถุงนี้กินแล้วอาจเรืองแสงได้” เราเลยไปหาข่าวดูจริงๆ ปรากฏว่ามันดันมีเคสใกล้เคียงเกิดขึ้นจริงที่สหรัฐอเมริกา Walmart ต้องเรียกคืนกุ้งแช่แข็งยี่ห้อ Great Value หลัง FDA ตรวจเจอสารกัมมันตรังสี Caesium-137 ในคอนเทนเนอร์จากอินโดนีเซีย
ประเด็นที่เราสะดุดคือ เวลาเราซื้อของ เราไม่ได้ซื้อแค่ “กุ้ง” เราซื้อความเชื่อใจไปด้วย แล้วถ้าสักวันความเชื่อใจที่ซื้อมาพร้อมกุ้งมันปนเปื้อนขึ้นมา เราจะยังอยากกินอยู่ไหม
ในพุทธศาสนามีคำว่า “อนิจจัง” ทุกสิ่งไม่เที่ยง แม้แต่กุ้งทอดที่ควรเป็นของกินง่ายๆ ก็กลายเป็นวัตถุกัมมันตรังสีได้ในพริบตา ถ้ามองผ่านแว่นวรรณกรรม เหตุการณ์นี้ก็เหมือน Kafka เวอร์ชันอาหารทะเล คือแทนที่จะเป็นคนกลายร่างเป็นแมลง คราวนี้กุ้งกลายเป็น “ภัยนิวเคลียร์ไซส์จิ๋ว”
ทางวิทยาศาสตร์ Caesium-137 ไม่ใช่ของใหม่ มันคือผลพลอยได้จากปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่เคยเจอทั้งที่ Chernobyl ในยูเครน และ Fukushima ในญี่ปุ่น FDA ยังย้ำว่า ปริมาณที่ตรวจเจอไม่ถึงขั้นอันตรายเฉียบพลัน แต่ถ้าเจอบ่อยๆ ก็มีโอกาสเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง เหมือนเราลงทุนหุ้นที่ดูไม่เป็นไร แต่สะสมไปเรื่อยๆ พอร์ตอาจพังได้แบบไม่รู้ตัว
จากมุมจิตวิทยา เหตุการณ์นี้สะท้อนว่าทุกคนไม่ได้กลัว “กุ้ง” จริงๆ หรอก แต่กลัว “สิ่งที่มองไม่เห็น” ต่างหาก นี่แหละที่ทำให้ความเชื่อมั่นพังเร็วที่สุด ต่อให้ Walmart ประกาศรีคอล คืนเงินเต็มจำนวน ก็ยังเหลือร่องรอยคำถามในใจคนซื้อว่า แล้วครั้งหน้าเราจะไว้ใจได้แค่ไหน
โลกมันเต็มไปด้วยความเสี่ยงที่เราคุมไม่ได้ แต่เรายังเลือกได้ว่าจะเอาอะไรเข้าปากและเอาอะไรออกจากชีวิต กำไรบางอย่างไม่ใช่เงิน แต่คือความปลอดภัยเงียบๆ ที่ทำให้เราอยู่ต่อได้ยาวๆ
บางทีการเลือก “ไม่กิน” ก็เป็นดีลที่ดีที่สุดที่ทุกคนจะได้ทำ.
บทวิเคราะห์
ข่าว Walmart เรียกคืนกุ้งแช่แข็งที่ปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี Caesium-137 เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เพราะมันไม่ใช่แค่ข่าวสินค้ามีปัญหาธรรมดา แต่สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบการค้าโลกและความไม่แน่นอนที่ซ่อนอยู่ในสิ่งที่เราคิดว่าปลอดภัย
อาหารที่อาจไม่ใช่แค่อาหารอีกต่อไป
การที่อาหารอย่าง "กุ้งทอด" ซึ่งควรจะเป็นแหล่งโภชนาการ กลับกลายเป็น "วัตถุที่อาจเรืองแสงได้" เพราะการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี ทำให้เราต้องตั้งคำถามใหม่ว่า อะไรคือ "อาหาร" กันแน่? เมื่อวัตถุที่เราบริโภคเข้าไปสามารถเป็นได้ทั้งแหล่งพลังงาน (ในแง่ของกัมมันตรังสี) และต้นทุนความเสี่ยงพร้อมกัน อาหารจึงไม่ใช่แค่สิ่งที่หล่อเลี้ยงร่างกาย แต่เป็นสัญลักษณ์ของความเสี่ยงที่เรายอมรับได้หรือไม่ เหมือนกับที่ผู้ใช้งานพูดถึง "กุ้ง" ที่กลายเป็น "กัมมันตรังสีกุ้ง" เหตุการณ์นี้เหมือนนิยายของ Franz Kafka ที่ตัวละครกลายร่างเป็นแมลง แต่ในโลกจริง กุ้งกลับกลายร่างเป็นวัตถุแปลกปลอมที่มาจากแหล่งที่เรามองไม่เห็น
ความเชื่อมั่นที่พังทลายและกำไรที่มองไม่เห็น
เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไม่ได้พังเพราะสินค้าผิดพลาด แต่พังเพราะความรู้สึกว่า "ไม่มีการควบคุมความเสี่ยงที่เรามองไม่เห็น" ถึงแม้ Walmart จะออกมาประกาศว่า "สุขภาพและความปลอดภัยของลูกค้าคืออันดับหนึ่ง" แต่การตัดสินใจเรียกคืนสินค้าและคืนเงินเต็มจำนวนก็เป็นเหมือนการ์ดที่หงายออกมา บอกเราว่าระบบตรวจสอบและควบคุมคุณภาพของห่วงโซ่อุปทานระดับโลกไม่ได้สมบูรณ์แบบเสมอไป การซื้อขายอาหารทั่วโลกจึงไม่ได้ปลอดภัยไปกว่าการลงทุนในตลาดหุ้น ที่อาจเจอ "Black Swan" หรือเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่พังทุกอย่างลงได้
สิ่งสำคัญที่ผู้ใช้งานได้กล่าวไว้คือ "การไม่เสี่ยงก็เป็นกำไรที่เงียบที่สุด แต่สำคัญที่สุด" ในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การตัดสินใจทิ้งกุ้งทั้งถุงอาจเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุด เพราะในท้ายที่สุดแล้ว กำไรที่แท้จริงคือความปลอดภัยและสุขภาพของเราเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่เงินไม่สามารถซื้อกลับคืนมาได้
ข่าวนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องเตือนใจให้เราตรวจสอบฉลากสินค้าก่อนซื้อ แต่ยังเป็นเครื่องเตือนใจให้เราตั้งคำถามถึงความเชื่อมั่นในสิ่งที่เรียกว่า "ระบบ" และความสามารถในการควบคุมความเสี่ยงในยุคที่โลกเชื่อมถึงกันอย่างซับซ้อน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น