พื้นที่ว่างในจิตวิทยา: ความหมายในการรักษาสมดุลภายใน

ชื่อบทความ: "ความสำคัญของ 'ที่ว่าง': พื้นที่ในศิลปะและวิทยาศาสตร์ที่ควรให้ความสำคัญ"

การวาดภาพไม่เพียงแค่การเติมเต็มพื้นที่บนแผ่นกระดาษหรือแคนวาสด้วยเส้นสีและรูปทรงที่เรามองเห็น แต่อย่างที่นักศิลปะที่มีทักษะดีหลายคนรู้ดี การสร้างงานศิลปะนั้นยังเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราตัดสินใจจะไม่วาดลงไปในพื้นที่นั้นด้วย หากเราใส่ใจถึงเรื่องนี้ เราจะพบว่า "พื้นที่ที่ว่าง" ในงานศิลปะนั้นมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการวาดเส้นสีต่างๆ ลงไปเอง ที่ว่างนี้ไม่ได้เป็นแค่สิ่งที่เหลือจากการวาด แต่เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ได้รับการออกแบบมาอย่างระมัดระวังและคิดคำนึงถึงด้วย

ในวงการศิลปะ, เรามักจะพูดถึงการให้ "พื้นที่ว่าง" ในงานของเรา ซึ่งหากคิดในแง่ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์หรือทางด้านจิตวิทยา จะเห็นว่าแนวคิดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ในงานศิลปะเท่านั้น แต่ยังสะท้อนความสำคัญของพื้นที่ว่างในด้านต่างๆ ของชีวิตเราอีกด้วย

พื้นที่ว่างในวิทยาศาสตร์: ความหมายของการ ‘ทิ้งพื้นที่’

ตามทฤษฎีของวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับพื้นที่และการจัดการพื้นที่ ว่างในพื้นที่มีความสำคัญมากกว่าการเติมเต็มพื้นที่ทุกตารางนิ้ว สังเกตได้จากแนวคิดของ Einstein ที่กล่าวว่า "พื้นที่และเวลาเป็นสิ่งที่เกี่ยวพันกัน" พื้นที่ไม่ได้ถูกเติมเต็มแค่ด้วยสิ่งที่อยู่ในนั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งต่างๆ และสิ่งที่ไม่มีสิ่งใดอยู่ภายในนั้นก็มีผลต่อความเข้าใจในธรรมชาติของมันเช่นกัน

ในทฤษฎี Entropy ซึ่งอธิบายถึงการกระจายพลังงานและความเรียบร้อยในระบบทางฟิสิกส์, พื้นที่ว่างมีความสำคัญที่ไม่ควรละเลย ความไม่เป็นระเบียบหรือความว่างเปล่าในระบบบางครั้งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในทางฟิสิกส์ เช่นเดียวกับงานศิลปะที่พื้นที่ว่างช่วยเสริมความรู้สึกของการเคลื่อนไหวและความสมดุลในภาพ นั่นคือเหตุผลที่ศิลปินจำนวนมากในประวัติศาสตร์ใช้การออกแบบที่มีการทิ้งพื้นที่ว่างไว้ เพื่อไม่ให้ทุกตารางนิ้วของแคนวาสถูกบีบอัดจนเกินไป



พื้นที่ว่างในจิตวิทยา: ความหมายในการรักษาสมดุลภายใน

จากมุมมองทางจิตวิทยา, คำว่า "พื้นที่ว่าง" สามารถเปรียบเทียบได้กับการสร้างความสมดุลภายในจิตใจของเรา Viktor Frankl นักจิตวิทยาชาวออสเตรียที่มีชื่อเสียงจากทฤษฎี Logotherapy หรือ "การบำบัดด้วยความหมาย" กล่าวว่า การที่เรามีพื้นที่ว่างในชีวิตเพื่อให้มีเวลาและความคิดถึงสิ่งที่มีความหมายมากกว่าการกระทำหรือสิ่งที่มีเนื้อหามากมาย เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสภาพจิตใจที่สมดุล

Frankl กล่าวว่า "การให้ความหมายกับชีวิตในทุกๆ ช่วงเวลา รวมถึงช่วงที่เงียบสงบหรือช่วงที่เป็นพื้นที่ว่างในชีวิต จะช่วยให้เราเติบโตและเข้าใจถึงตัวตนของเรา" พื้นที่ว่างในงานศิลปะก็มีลักษณะคล้ายกัน มันช่วยให้เราได้คิดและสะท้อนถึงสิ่งที่สำคัญ ไม่ใช่แค่การมองเห็นสิ่งที่วาด แต่เป็นการหยุดพักและคิดถึงความหมายที่อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์นั้น

พื้นที่ว่างในงานศิลปะ: การสร้างสมดุล

เมื่อพูดถึงศิลปะ, พื้นที่ว่างไม่ใช่แค่สิ่งที่เหลือจากการวาดเส้น แต่เป็นการตัดสินใจอย่างมีสติในการเลือกที่จะไม่วาดอะไรลงไปในบางพื้นที่ แนวคิดนี้สามารถนำไปเปรียบเทียบกับการวางแผนที่ดีในชีวิตการทำงานเช่นกัน ถ้าเราวางแผนให้มีช่วงเวลาหรือพื้นที่ในการพักผ่อนและสะท้อนตัวเอง, ผลลัพธ์ของการทำงานที่มีความสมดุลก็จะดีกว่าการทำงานที่ไม่หยุดพักเลย

การออกแบบที่ใช้พื้นที่ว่างอย่างมีสติ ไม่เพียงแค่ทำให้ภาพมีความกลมกลืน แต่ยังช่วยให้ผู้ชมได้หยุดและคิดถึงภาพที่กำลังมอง หากเราลองสังเกตดูในงานของศิลปินหลายๆ คน พื้นที่ว่างมักจะมีบทบาทสำคัญในการทำให้ภาพไม่แออัดและสามารถสะท้อนอารมณ์ได้อย่างลึกซึ้ง

ความคิดเห็นส่วนตัว: คิดถึงที่ว่างในงานของเรา

จากมุมมองของเรา, ที่ว่างในงานศิลปะนั้นเป็นเครื่องมือสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม หากเรากำลังจะวาดภาพหรือออกแบบสิ่งใดก็ตาม อย่าลืมให้ความสำคัญกับการสร้างพื้นที่ที่มีความหมาย พื้นที่ที่ไม่ได้หมายถึงการทิ้งหรือทำให้ดูโล่งเกินไป แต่คือการวางแผนและออกแบบพื้นที่ที่เราจะไม่เติมสิ่งใดลงไป เพราะมันจะทำให้ภาพของเรามีความสมดุลและทำให้ผู้ชมสามารถเข้าใจและรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวในภาพนั้นได้มากยิ่งขึ้น

การใช้พื้นที่ว่างอย่างมีสติในงานศิลปะก็เหมือนกับการสร้างสมดุลในชีวิตของเรา ถ้าเราเรียนรู้ที่จะ "ทิ้ง" และให้ความสำคัญกับช่วงเวลาที่มีความหมาย เราจะพบว่าในที่สุดเราจะได้สิ่งที่ดีที่สุดจากทุกๆ สิ่งที่เราเลือกทำ.

สรุปความเห็นส่วนตัว: การทิ้งพื้นที่ว่างในงานศิลปะไม่ใช่แค่การเว้นว่างเพื่อไม่ให้เต็มพื้นที่ แต่เป็นการออกแบบพื้นที่นั้นเพื่อสร้างสมดุลและความหมาย. ให้เรานึกถึงพื้นที่ว่างเหมือนกับการออกแบบชีวิต – บางครั้งการ "ทิ้ง" ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อให้เราเติบโตและเข้าใจสิ่งที่สำคัญที่สุด.

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม