เราเคยสงสัยกันไหมว่า การบล็อกใครบางคนบนโซเชียลมีเดีย จริงๆ แล้วมันทำงานยังไงในหัวใจของเราและอีกฝั่งหนึ่ง? เหมือนเป็นการประกาศว่า “เราไม่อยากเห็นหน้าเธออีกแล้ว” แต่ในทางกลับกัน บางทีเรากลับรู้สึกสนใจพวกเขามากขึ้นไปอีก ใช่ไหม?
เราเคยสงสัยกันไหมว่า การบล็อกใครบางคนบนโซเชียลมีเดีย จริงๆ แล้วมันทำงานยังไงในหัวใจของเราและอีกฝั่งหนึ่ง? เหมือนเป็นการประกาศว่า “เราไม่อยากเห็นหน้าเธออีกแล้ว” แต่ในทางกลับกัน บางทีเรากลับรู้สึกสนใจพวกเขามากขึ้นไปอีก ใช่ไหม? มันเหมือนกับการปิดประตูใส่ใครสักคน แต่ดันไปแอบมองผ่านรูแมว แล้วก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่า “เขาจะคิดถึงเราบ้างหรือเปล่า?” หรือ “เขารู้สึกยังไงนะที่ถูกเราตัดขาด?”
เรานึกถึงฉากใน “The Great Gatsby” ที่เจย์ แกตสบี้หลงใหลเดซี่แบบแทบจะทำลายตัวเองเพื่อเธอ ความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยการรอคอยและความผิดหวังนี้สะท้อนอะไรบางอย่างเกี่ยวกับ “ความสนใจในสิ่งที่เราถูกกีดกัน” เดซี่กลายเป็นเหมือนเป้าหมายลวงที่แกตสบี้ไม่มีวันเอื้อมถึง และการถูกปิดประตูไว้ตรงหน้านั้นยิ่งทำให้ไฟในใจเขาโหมแรงขึ้นไปอีก
ปรัชญาของฌอง ปอล ซาร์ตร์ ก็พูดถึงความสัมพันธ์ของเรากับคนอื่นในบริบทของ "การมอง" หรือ "การถูกมอง" เราจะตระหนักถึงตัวตนของเราก็ต่อเมื่อมีคนอื่นมองเรา แล้วถ้าเรา “บล็อก” หรือ “ปิดการมองเห็น” ใครสักคน เรากำลังพยายามทำลายการตระหนักรู้นั้นหรือเปล่า? หรือว่าแท้จริงแล้ว เรากำลังพยายามบังคับให้ตัวเองไม่สนใจ ทั้งที่ลึกๆ เรากลับเพิ่มความสนใจนั้นขึ้นไปอีก?
การแอบส่องหรือการกลับไปหาความทรงจำในโปรไฟล์ของคนที่เราบล็อก เหมือนการย้อนกลับไปดูหนังเรื่องเก่าๆ ที่เรารู้ตอนจบอยู่แล้ว แต่ก็ยังอยากดูอีก มันอาจเป็นกลไกของสมองที่อยาก “ปิดวงจร” หรือหาคำตอบให้กับสิ่งที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ลองนึกถึง ภาพยนตร์อย่าง Eternal Sunshine of the Spotless Mind ที่ตัวละครพยายามลบความทรงจำเกี่ยวกับคนรักเก่า แต่กลับพบว่าความทรงจำนั้นยิ่งฝังลึกกว่าเดิม มันเหมือนสมองกำลังพยายามบอกเราว่า “สิ่งนี้สำคัญนะ อย่าลืมมันเลย”
อีกมุมหนึ่ง การบล็อกอาจสะท้อนอะไรบางอย่างเกี่ยวกับกีฬาโดยเฉพาะบาสเกตบอล เรานึกถึงการ "บล็อกช็อต" ในเกมบาส ซึ่งมันไม่ใช่แค่การป้องกันฝ่ายตรงข้ามจากการทำแต้ม แต่มันยังส่งข้อความถึงอีกฝ่ายว่า “นายไม่ผ่านฉันไปง่ายๆ หรอก” บางทีมันอาจเป็นแบบเดียวกันกับการบล็อกในโลกโซเชียล มันอาจไม่ใช่แค่การป้องกันตัวเอง แต่ยังเป็นการ “แสดงอำนาจ” หรือ “ทิ้งร่องรอย” ให้ใครอีกคนต้องคิดถึงเรา
ในแง่ของจิตวิทยา การถูกบล็อกหรือการบล็อกอาจเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า “Zeigarnik Effect” ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เรามักจะจำสิ่งที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ได้ดีกว่าสิ่งที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว การบล็อกอาจเป็นเหมือนการตั้งคำถามที่ไม่มีคำตอบชัดเจน หรือการเปิดประตูที่เราไม่มีวันเดินผ่านไปได้ และความไม่เสร็จสมบูรณ์นี้เองที่ทำให้เรายิ่งหมกมุ่นกับมัน
ดังนั้น การบล็อกอาจไม่ได้แปลว่าเราตัดขาดใครไปจริงๆ แต่มันอาจกลายเป็นวิธีที่เรายังคงผูกพันอยู่กับพวกเขาในแบบที่เจ็บปวดและซับซ้อนกว่าเดิม อย่างที่ มาร์ค ทเวน เคยกล่าวไว้ว่า “The secret of getting ahead is getting started” แต่ในกรณีนี้ บางที “การเริ่มต้น” อาจเป็นการหยุดแอบส่องและเริ่มเข้าใจว่าทำไมเราถึงไม่ปล่อยมือจากคนคนนั้นสักที
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น