เราเคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมบางคนถึงกล้าหลอกใช้คนอื่นอย่างหน้าตาเฉย แล้วเราควรจะคิดยังไงกับเรื่องนี้ดี

เราเคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมบางคนถึงกล้าหลอกใช้คนอื่นอย่างหน้าตาเฉย แล้วเราควรจะคิดยังไงกับเรื่องนี้ดี

คือมันเป็นเรื่องน่าสงสัยนะ ว่าทำไมคนบางคนถึงเหมือนมองความไว้ใจของเราเป็นแค่ทรัพยากรฟรี เป็นเหมือนน้ำดื่มในโถงโรงแรม หยิบไปใช้ตอนไหนก็ได้ ไม่คิดว่ามีใครต้องจ่ายต้นทุนอะไรเลย ทั้งที่ความจริงแล้ว การเชื่อใจคนมันมีค่าแบบโคตรแพงเลยนะ คิดดูสิว่าเราต้องเปิดใจ ต้องกล้า ต้องเชื่อว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คนเลว ต้องใช้เวลาในการสร้างความสัมพันธ์ พอสุดท้ายกลับกลายเป็นว่าเราถูกหลอกใช้เหมือนเป็น NPC ในเกม RPG โบราณ ที่คนเล่นกดปุ่มขอความช่วยเหลือแล้วก็เดินจากไปหน้าตาเฉย

เรื่องนี้ทำให้นึกถึงหนัง The Truman Show อ่ะ ทุกคนเคยดูไหม มันเป็นเรื่องของผู้ชายที่ชีวิตทั้งชีวิตถูกจัดฉากแบบเรียลลิตี้โชว์โดยที่เขาไม่รู้ตัว คนรอบข้าง ทุกความสัมพันธ์ ทุกการกระทำ ถูกสคริปต์หมดเลย ลองนึกภาพดูนะ ถ้าวันหนึ่งเรารู้สึกว่าเราโดนจัดฉากแบบนั้นบ้าง โดนใช้ความจริงใจเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง แล้วคนเหล่านั้นไม่ได้แคร์จริงๆ เราจะจัดการความรู้สึกนี้ยังไงดี

บางทีคนที่หลอกใช้เราอาจไม่ใช่ "คนเลว" ในความหมายตรงๆ เสมอไป มันมีความซับซ้อนในจิตวิทยาของมนุษย์อย่างหนึ่งที่เรียกว่า Self-justification หรือการให้เหตุผลเข้าข้างตัวเอง คนที่หลอกใช้เราบางคนอาจคิดว่า “เราเต็มใจช่วยเอง” หรือ “เราคงไม่เดือดร้อนหรอก” ทั้งที่จริงแล้วพวกเขากำลังละเลยความรู้สึกและการลงทุนทางอารมณ์ของเราไปโดยสิ้นเชิง

แล้วไงล่ะ เราจะปล่อยให้ตัวเองถูกหลอกใช้อย่างนั้นเหรอ? เราคิดว่าทางออกมันไม่ใช่การกลายเป็นคนเย็นชา หรือคิดว่า "โลกนี้ไว้ใจใครไม่ได้" เพราะนั่นมันคือการตัดโอกาสตัวเองจากความสัมพันธ์ดีๆ ที่มีอยู่จริง เราชอบวิธีคิดของ Brené Brown นักวิจัยเรื่องความเปราะบางของมนุษย์ เธอบอกว่าการเชื่อใจไม่ควรถูกมองเป็นของแจกฟรี แต่เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาจาก “ความจริงใจเล็กๆ” ที่สั่งสมมาเรื่อยๆ คนที่คู่ควรกับความเชื่อใจของเราคือคนที่ใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อย เช่น จำได้ว่าเราชอบเพลงอะไร หรือถามไถ่ด้วยความจริงใจเวลาที่เราเงียบไป ไม่ใช่แค่คนที่โผล่มาหาเฉพาะตอนต้องการอะไร

สิ่งที่เราคิดว่าสำคัญที่สุด คือเราต้อง รู้เท่าทัน ว่าใครกำลังหลอกใช้เรา รู้เท่าทัน ไม่ได้แปลว่าต้องระแวงทุกคน แต่แปลว่าเราต้องถามตัวเองว่า — เวลาที่เราทุ่มเทให้ใครบางคน มันเป็นความสัมพันธ์แบบสองทางไหม? เขาใส่ใจเรากลับบ้างหรือเปล่า? หรือเขามองเราเหมือนแค่ "ทรัพยากร" ที่ใช้ได้ก็ใช้ แล้ววันหนึ่งจะทิ้งไปเฉยๆ แบบปลอกกล้วย

เราเชื่อว่าเราทุกคนมีคุณค่าเกินกว่าที่จะเป็นแค่ตัวประกอบให้ใครสักคน ถ้าใครเคยดู Good Will Hunting ฉากหนึ่งที่โคตรดีเลยคือฉากที่โรบิน วิลเลียมส์ พูดกับตัวเอกที่มีปมในใจว่า “มันไม่ใช่ความผิดของนาย” ซ้ำๆ ประเด็นคือ บางครั้งสิ่งที่คนอื่นทำกับเรา มันไม่ใช่ความผิดของเราเลย เราแค่เจอคนที่ยังไม่โตพอจะรับผิดชอบความรู้สึกของคนอื่นด้วยความเคารพ

สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เราต้องทำไม่ใช่การแก้แค้น ไม่ใช่การตัดใจแบบโหดร้าย แต่เป็นการสร้าง "ขอบเขต" ที่ชัดเจน การบอกว่า "เฮ้ย แบบนี้มันไม่โอเคนะ" ไม่ได้แปลว่าเราใจร้าย แต่มันคือการเคารพตัวเอง

และถ้าใครยังมาหลอกใช้เราอีกหลังจากที่เราบอกไปตรงๆ แล้ว ก็อาจถึงเวลาที่เราต้องเดินออกมาอย่างสง่างาม แล้วปล่อยให้คนเหล่านั้นเรียนรู้บทเรียนจากการเสียเราไปเอง

เชื่อเหอะ คนที่เห็นคุณค่าของเราจริงๆ มีอยู่จริง เราแค่ต้องให้เวลาตัวเองได้เจอพวกเขา

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม