เราเห็นว่าหลายคนเคยตั้งเป้าหมายว่าจะอ่านหนังสือมากขึ้น ซึ่งฟังดูเป็น mission
เราเห็นว่าหลายคนเคยตั้งเป้าหมายว่าจะอ่านหนังสือมากขึ้น ซึ่งฟังดูเป็น mission (ภารกิจ) ที่น่าภูมิใจ แต่พอเจาะลึกลงไปก็พบว่าคนจำนวนไม่น้อยเลือกอ่านหนังสือ non-fiction (หนังสือสารคดี/พัฒนาตนเอง) เพราะมันดูจริงจังและจับต้องได้มากกว่า ส่วนการอ่านนิยายกลับถูกมองว่าเป็นเรื่อง “เล่นๆ” ทั้งที่จริงๆ แล้วมันไม่เล่นเลย ลองนึกภาพเวลาเราอ่านหนังสือจิตวิทยาพัฒนาตนเอง เขามักจะให้ checklist (รายการตรวจสอบ) แบบ 1 2 3 4 – ตั้งเป้าหมาย – วางแผน – ลงมือทำ – ทบทวนความก้าวหน้า ทั้งหมดนั้นมีประโยชน์ แต่ถามว่าอีกหนึ่งเดือนผ่านไปเรายังจำได้เป๊ะๆ ไหม ส่วนใหญ่ก็คือไม่ หรือถ้าจำได้ก็เหมือนจำสูตรคณิตศาสตร์ที่เคยท่องจนสอบเสร็จแล้วลืม ในทางตรงกันข้าม การอ่านนิยายทำงานกับสมองไม่เหมือนกัน สมองเราไม่ได้จดจำเป็น bullet point แต่จำเป็น “ประสบการณ์” เช่น ตัวละครเจอเพื่อนหักหลังแล้วเขาจัดการความรู้สึกอย่างไร ตัวละครสอบตกแล้วเลือกจะลุกขึ้นมาใหม่แบบไหน นี่แหละคือการ encode (เข้ารหัส) ความรู้ในรูปแบบที่สมองชอบมากกว่า เพราะมันเป็นเรื่องราวและอารมณ์ที่เชื่อมโยง งานวิจัยทางประสาทวิทยาศาสตร์ (Neuroscience) บอกไว้ชัดว่าการอ่านนิยาย...